ภายในบริเวณกรุงกบิลพัสดุ์
ก็เจ้าอนุรุทธกุมารนั้นเป็นกษัตริย์ผู้สุขุมาล มีโภคะสมบูรณ์ แม้คำว่า "ไม่มี" พระองค์ก็ไม่เคยทรงสดับ เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์นั้น ในวันหนึ่งเมื่ออนุรุทธกุมารและพระสหายทั้ง ๕ พระองค์ ทรงเล่นกีฬาลูกขลุบอยู่ เจ้าอนุรุทธะทรงปราชัยด้วยขนมแล้ว ส่งคนไปเพื่อต้องการขนม คราวนั้น พระมารดาของท่านทรงจัดขนส่งไป พระกุมารทั้งหกเสวยแล้วทรงเล่นกันอีก เจ้าอนุรุทธะนั้นแล เป็นฝ่ายแพ้ร่ำไป
ส่วนพระมารดา เมื่อพระองค์ส่งคนไป ๆ ก็ส่งขนมไปถึง ๓ ครั้ง ในครั้งที่ ๔ ส่งไปว่า “ขนมไม่มี”
พระกุมารทรงสำคัญว่า “ขนมแม้นี้ จักเป็นขนมประหลาดชนิดหนึ่ง” เพราะไม่เคยทรงได้ยินคำว่า “ไม่มี” จึงส่งคนไปว่า
“จงนำขนมไม่มีนั่นแล มาเถอะ”
ฝ่ายพระมารดาของท่าน เมื่อเขาทูลว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า ได้ยินว่าพระองค์จะทรงประทานขนมไม่มี” จึงทรงพระดำริว่า
“ลูกของเราไม่เคยได้ยินคำว่า “ไม่มี” แต่เราจะให้รู้จักความหมายนั้น ด้วยอุบายนี้” จึงทรงปิดถาดทองคำเปล่าด้วยถาดทองคำอื่นแล้วส่งไป
เหล่าเทวดาที่รักษาพระนครคิดว่า
“เจ้าอนุรุทธศากยะได้ถวายภัตอันเป็นส่วนตัวแด่พระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า อุปริฏฐะ ในคราวที่เป็นนายอันนภาระ ทรงทำความปรารถนาไว้ว่า ขอข้าพเจ้าจงอย่าได้สดับคำว่า “ไม่มี” อย่ารู้สถานที่เกิดแห่งโภชนะ ถ้าเจ้าอนุรุทธะนี้ ทรงเห็นถาดเปล่าไซร้ พวกเราก็จักไม่ได้เข้าไปสู่เทวสมาคม ทั้งศีรษะของพวกเราก็จะพึงแตก ๗ เสี่ยง”
ทีนั้น จึงบันดาลให้ถาดนั้นเต็มด้วยขนมทิพย์ เมื่อถาดนั้นถูกวางลงที่สนามเล่นขลุบแล้วถูกเปิดขึ้น กลิ่นขนมก็ตั้งตลบไปทั่วทั้งพระนคร พอกษัตริย์ทั้งหกหยิบชิ้นขนมเข้าไปในพระโอษฐ์เท่านั้น รสชาติก็แผ่ซ่านไปทั่วประสาทรับรสทั้งเจ็ดพัน พระกุมารนั้นทรงพระดำริว่า
“เราคงจะไม่เป็นที่รักของพระมารดา พระมารดาจึงไม่ทรงปรุงชื่อขนมไม่มีนี้ประทานเราตลอดเวลาถึงเพียงนี้ ตั้งแต่นี้ไปเราจักไม่กินขนมอื่น”
ดังนี้แล้ว เสด็จไปสู่ตำหนัก ทูลถามพระมารดาว่า
“เจ้าแม่ หม่อมฉันเป็นที่รักของเจ้าแม่หรือไม่เป็นที่รัก”
พระมารดาตรัสตอบว่า “พ่อ พ่อย่อมเป็นที่รักยิ่งของแม่ เสมือนนัยน์ตาของคนมีตาข้างเดียว และเหมือนดวงใจของแม่”
“เมื่อเช่นนั้น เหตุไรเจ้าแม่จึงไม่ทรงปรุงขนมไม่มี ประทานแก่หม่อมฉันตลอดเวลาถึงเพียงนี้เล่า เจ้าแม่”
พระนางรับสั่งถามมหาดเล็กคนสนิทว่า “ขนมอะไร ๆ มีอยู่ในถาดหรือ พ่อ”
มหาดเล็กทูลว่า
“ข้าแต่พระแม่เจ้า ถาดเต็มเปี่ยมด้วยขนม แต่ขนมที่มีลักษณะเช่นนี้ หม่อมฉันก็ไม่เคยเห็นมาก่อน”
พระนางทรงพระดำริว่า “บุตรของเราจักเป็นผู้มีบุญ มีอภินิหารได้ทำไว้แล้ว เทวดาทั้งหลายจักใส่ขนมให้เต็มถาดส่งไปแล้ว”
ลำดับนั้น พระโอรสจึงทูลพระมารดาว่า
“เจ้าแม่ ตั้งแต่นี้ไป หม่อมฉันจักไม่เสวยขนมอื่น ขอเจ้าแม่พึงปรุงแต่ขนมไม่มีอย่างเดียว”
ตั้งแต่นั้นมา เมื่อพระกุมารนั้นทูลว่า "หม่อมฉันต้องการเสวยขนม" พระนางก็ทรงครอบถาดเปล่านั่นแลด้วยถาดอื่น ส่งไปประทานพระกุมารนั้น เทวดาทั้งหลายส่งขนมทิพย์ถวายพระกุมารนั้นตลอดเวลาที่ท่านเป็นฆราวาส
อ้างอิง : อรรถกถา คาถาธรรมบท ยมกวรรค เรื่อง พระเทวทัต