45-37 เทวดามาประชุมกันเพื่อเห็นพระผู้มีพระภาค



สาลวโนทยาน กุสินารา

สมัยนั้น ท่านพระอุปวาณะยืนถวายงานพัดพระผู้มีพระภาคเฉพาะพระพักตร์ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงขับท่านพระอุปวาณะว่า  

“ดูกรภิกษุ เธอจงหลีกไป อย่ายืนตรงหน้าเรา”

ท่านพระอานนท์ได้มีความดำริว่า  

“ท่านอุปวาณะรูปนี้เป็นอุปัฏฐากอยู่ใกล้ชิดพระผู้มีพระภาคมาช้านาน ก็และเมื่อเป็นเช่นนั้น ในกาลครั้งสุดท้าย พระผู้มีพระภาคทรงขับท่านอุปวาณะ

อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรหนอเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาคทรงขับท่านอุปวาณะว่า ดูกรภิกษุ เธอจงหลีกไป อย่ายืนตรงหน้าเรา

ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า  

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านอุปวาณะรูปนี้ เป็นอุปัฏฐากอยู่ใกล้ชิดพระผู้มีพระภาค มาช้านาน ก็แลเมื่อเป็นเช่นนั้น ในกาลครั้งสุดท้าย พระผู้มีพระภาคยังทรงขับท่านอุปวาณะ

อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรหนอเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาคทรงขับท่านอุปวาณะว่า ดูกรภิกษุ เธอจงหลีกไปอย่ายืนตรงหน้าเรา”  

“ดูกรอานนท์ เทวดาในหมื่นโลกธาตุมาประชุมกันโดยมากเพื่อจะเห็นตถาคต เมืองกุสินารา สาลวัน อันเป็นที่แวะพักแห่งพวกเจ้ามัลละเพียงเท่าใด

โดยรอบถึง ๑๒ โยชน์ ตลอดที่เพียงเท่านี้ จะหาประเทศแม้มาตรว่าเป็นที่จรดลงแห่งปลายขนทรายอันเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ไม่ถูกต้องแล้ว มิได้มี

พวกเทวดายกโทษอยู่ว่า พวกเรามาแต่ที่ไกลเพื่อจะเห็นพระตถาคต ในบางครั้งบางคราว พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จอุบัติในโลก

ในปัจฉิมยามแห่งราตรีในวันนี้แหละ พระตถาคตจักปรินิพพาน ก็ภิกษุผู้มีศักดิ์ใหญ่รูปนี้ ยืนบังอยู่เบื้องพระพักตร์พระผู้มีพระภาค พวกเราไม่ได้เห็นพระตถาคตในกาลเป็นครั้งสุดท้าย

“ข้าแต่องค์ผู้เจริญ ก็พวกเทวดาเป็นอย่างไร กระทำไว้ในใจ เป็นไฉน”

“มีอยู่ อานนท์ เทวดาบางพวกสำคัญอากาศว่าเป็นแผ่นดิน เทวดาบางพวกสำคัญแผ่นดินว่าเป็นแผ่นดิน สยายผม ประคองแขนทั้งสองคร่ำครวญอยู่ ล้มลงกลิ้งเกลือกไปมา ดุจมีเท้าอันขาดแล้ว รำพันว่า

พระผู้มีพระภาคจะเสด็จปรินิพพานเสียเร็วนัก พระสุคตจะเสด็จปรินิพานเสียเร็วนัก พระองค์ผู้มีพระจักษุในโลก จักอันตรธานเสียเร็วนัก ดังนี้

ส่วนเทวดาพวกที่ปราศจากราคะแล้ว มีสติสัมปชัญญะ อดกลั้น โดยธรรมสังเวชว่า

สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เพราะฉะนั้น เหล่าสัตว์จะพึงได้ในสังขารนี้แต่ที่ไหน

 

 

อ้างอิง : มหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ ข้อที่ ๑๓๐ หน้า ๑๑๒-๑๑๓