ริมฝั่งแม่น้ำโรหิณี ถ่ายจากใต้สะพาน

พระราชาแม้ทั้งหมดสดับพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ก็ทรงเลื่อมใส ปรึกษากันว่า

“ถ้าหากว่าพระศาสดาไม่เสด็จมา พวกเราก็จักฆ่าฟันซึ่งกันและกันจนเลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ พวกเราได้ชีวิตเพราะอาศัยพระศาสดา ก็ถ้าพระศาสดาจักทรงครอบครองฆราวาส ราชสมบัติในทวีปใหญ่ทั้ง ๔ มีทวีปน้อย ๒,๐๐๐ เป็นบริวารก็จะตกอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์จักมีพระราชโอรสกว่าพัน แต่นั้น ก็จักมีกษัตริย์เป็นบริวารเสด็จเที่ยวไป

ก็แต่ว่าพระองค์ทรงสละราชสมบัติเสียแล้ว เสด็จออกบรรพชาจนได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ถึงอย่างนั้น เดี๋ยวนี้พระองค์ก็ควรมีกษัตริย์เป็นบริวารเสด็จเที่ยวไป”

ครั้นปรึกษากันดังนี้แล้ว กษัตริย์ทั้งสองพระนครนั้น จึงถวายพระราชกุมารฝ่ายละ ๒๕๐ องค์

พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงให้พระราชกุมารเหล่านั้นบรรพชา แล้วเสด็จไปสู่ป่ามหาวัน

ในวันต่อมา พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเที่ยวบิณฑบาตไปในพระนครทั้งสอง มีภิกษุราชกุมารเหล่านั้นแวดล้อมเป็นบริวาร คือ บางคราวก็เสด็จไปเมืองกบิลพัสดุ์ บางคราวก็เสด็จไปเมืองโกลิยะ แม้ชาวพระนครทั้งสองก็กระทำสักการะใหญ่แก่พระองค์

พวกภิกษุราชกุมารเหล่านั้นบวชด้วยความเคารพในสมเด็จพระบรมครู หาได้บวชด้วยความเต็มใจของตนไม่ จึงได้เกิดความกระสันอยากจะสึก ใช่แต่เท่านั้น พวกภรรยาเก่าของภิกษุเหล่านั้นยังกล่าวถ้อยคำและส่งข่าวสารไปยั่วยวน ชวนให้เกิดความเบื่อหน่ายอีก ภิกษุราชกุมารเหล่านั้นก็ยิ่งเบื่อหน่ายหนักขึ้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาดูก็ทรงทราบว่า ภิกษุเหล่านั้นเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นแล้ว จึงทรงใคร่ครวญว่า

“ภิกษุเหล่านั้นอยู่ร่วมกับพระพุทธเจ้าเช่นเรา ยังมีความเบื่อหน่ายอีก ธรรมกถาเช่นไรหนอ จึงเป็นที่สบายของภิกษุเหล่านี้ได้”

แล้วก็ทรงเห็นว่า กุณาลธรรมเทศนา เป็นที่สบาย

ลำดับนั้น พระองค์จึงทรงตรึกต่อไปว่า

“เราจักพาภิกษุเหล่านั้นไปยังประเทศหิมวันต์ ประกาศโทษของมาตุคามตามถ้อยคำของนกดุเหว่าชื่อ กุณาละ ให้ภิกษุเหล่านั้นได้ฟัง เมื่อกำจัดความเบื่อหน่ายเสียแล้ว จักแสดงพระโสดาปัตติมรรคแก่เธอ”

 

 

อ้างอิง : อรรถกถากุณาลธรรมชาดก