1-27 พระเจ้าพิมพิสารถวายสวนเวฬุวัน



บริเวณพระคันกุฎี เวฬุวันมหาวิหาร

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จพระพุทธดำเนินไปสู่พระราชนิเวศน์ของพระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ครั้นถึงแล้ว ประทับนั่งเหนือพระพุทธอาสน์ที่เขาจัดถวายพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชทรงอังคาสภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีตด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ จนให้พระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จ ทรงนำพระหัตถ์ออกจากบาตร ห้ามภัตแล้ว จึงประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ท้าวเธอได้ทรงพระราชดำริว่า

"พระผู้มีพระภาคพึงประทับอยู่ ณ ที่ไหนดีหนอ ซึ่งจะเป็นสถานที่ไม่ไกล ไม่ใกล้จากบ้านนัก สะดวกด้วยการคมนาคม ควรที่ประชาชนผู้ต้องประสงค์จะเข้าไปเฝ้าได้ กลางวันไม่พลุกพล่าน กลางคืนเงียบสงัด เสียงไม่กึกก้อง ปราศจากลม แต่ชนที่เดินเข้าออก ควรเป็นที่ประกอบกิจของผู้ต้องการที่สงัด และควรเป็นที่หลีกเร้นอยู่ตามสมณวิสัย



สวนเวฬุวันของเรานี้แล ไม่ไกลไม่ใกล้จากบ้านนัก สะดวกด้วยการคมนาคม ควรที่ประชาชนผู้ต้องประสงค์จะพึงเข้าไปเฝ้าได้ กลางวันไม่พลุกพล่าน กลางคืนเงียบสงัด เสียงไม่กึกก้อง ปราศจากลมแต่ชนที่เข้าออก ควรเป็นที่ประกอบกิจของผู้ต้องการที่สงัด และควรเป็นที่หลีกเร้นอยู่ตามสมณวิสัย ผิฉะนั้น เราพึงถวายสวนเวฬุวันแก่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข"



สระน้ำในสวนเวฬุวัน

ลำดับนั้น พระเจ้าพิมพิสารทรงจับพระสุวรรณภิงคาร ทรงหลั่งน้ำน้อมถวายแด่พระผู้มีพระภาคด้วยพระราชดำรัสว่า

“หม่อมฉันถวายสวนเวฬุวันนั่นแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข พระพุทธเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคทรงรับอารามแล้ว และทรงชี้แจงให้พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา แล้วเสด็จลุกจากที่ประทับเสด็จกลับ 

ต่อมา พระองค์ทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตอาราม”



ในวันต่อมา พระเจ้าพิมพิสารมาเข้าเฝ้าเพื่อทูลเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อคืนนี้ พระองค์ทรงได้ยินเสียงประหลาดน่าสะพรึงกลัว พระพุทธองค์ตรัสว่า

“นั่นคือเสียงญาติในอดีตของพระองค์ที่บังเกิดเป็นเปรต เมื่อวานนี้ พระองค์บริจาคทานแล้วไม่ได้อุทิศส่วนกุศลไปให้จึงส่งเสียงร้องเห็นปานนั้น”

ในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าพิมพิสารจึงอาราธนาพระผู้มีพระภาคพร้อมภิกษุสงฆ์รับการถวายทานอีก เมื่อถวายภัตตาหารและถวายผ้า พระเจ้าพิมพิสารทรงอุทิศให้แก่ญาติทั้งหลาย ก็บังเกิดภัตตาหารทิพย์และสมบัติทิพย์แก่ญาติทั้งหลาย และขณะที่หลั่งน้ำทักษิโณทก สระโบกขรณีก็บังเกิดแก่เปรตเหล่านั้นให้ได้อาบกิน

พระผู้มีพระภาคทรงแสดงติโรกุฑฑสูตร พร้อมทั้งอธิษฐานให้พระเจ้าพิมพิสารเห็นญาติทั้งหลายที่มีความอิ่มเอิบเป็นสุขจากบุญที่ทรงอุทิศให้

การบรรลุธรรมได้มีแก่ชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งสลดใจเพราะการพรรณาโทษแห่งการเข้าถึงความเป็นเปรต พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงติโรกุฑฑสูตรนี้แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายอีก การตรัสรู้ธรรมได้มีถึง ๗ วัน

 

 

อ้างอิง : พระไตรปิฎก ฉบับหลวง ๔/๖๓/๕๕-๕๖ และอรรถกถา ติโรกุฑฑสูตร