การบำเพ็ญบารมีอันเป็นเครื่องบ่มพระโพธิญาณเหล่านี้ จัดเป็นบารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ ปรมัตถบารมี ๑๐ คือ
บารมี
- การบำเพ็ญทานในภพที่ตถาคตเป็นพระเจ้าสิวิราชผู้ประเสริฐเป็น ทานบารมี
- ในภพที่เราเป็นพระยาวานร ช้างฉัททันต์ และช้างเลี้ยงมารดา เป็น ศีลบารมี
- ในภพที่เราเป็นวิธูรบัณฑิตและสุริยพราหมณ์มาตังคะ ผู้เป็นศิษย์เก่าของอาจารย์ บารมีทั้ง ๒ ครั้งนี้ เป็น ปัญญาบารมี
- ในภพที่เราเป็นพระยาวานรผู้มีครุธรรม ๕ ประการ เป็น วิริยบารมี
- ในภพที่เราเป็นธรรมปาลกุมาร เป็น ขันติบารมี
- ในภพที่เราเป็นสสบัณฑิต นกคุ่ม ซึ่งประกาศคุณสัจจะ ยังไฟให้ดับด้วยสัจจะ นี้เป็น สัจจบารมี
- ในภพที่เราเป็นปลาอยู่ในน้ำ ได้ทำสัจจะอย่างสูงยังฝนให้ตกใหญ่ นี้เป็น สัจจบารมี ของเรา
- อะไรที่จะเป็นความพอใจไปกว่าอธิษฐาน นี้เป็น อธิษฐานบารมี
- ในภพที่เป็น มหากัณหฤาษี และพระเจ้าโสธนะ และบารมีสองอย่าง คือ ในภพที่เราเป็นพระเจ้าพรหมทัตต์และคัณฑิติณฑกะ ที่กล่าวแล้วเป็น เมตตาบารมี
- ในภพที่เราเป็นนกแขกเต้าสองครั้ง เป็น อุเบกขาบารมี
อุปบารมี
- ในภพที่เราเป็นเวสสันดรและเป็นเวลามพราหมณ์ เป็น ทานอุปบารมี
- ในภพที่เราเป็นอกิติดาบสอดอาหารนั้น เป็น ทานอุปบารมี
- พระผู้มีพระภาคผู้แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ตรัสไว้ดังนี้ การรักษาศีลในภพที่เราเป็นจัมเปยยกนาคราช และภูริทัตตนาคราช เป็น ศีลอุปบารมี
- ในภพที่เราเป็นมโหสถผู้เป็นทรัพย์ของรัฐ กุลฑลตัณฑิละและนกกระทาบารมีเหล่านี้เป็น ปัญญาอุปบารมี
- ในภพที่เราเป็นธรรมิกเทพบุตรทำสงครามกับอธรรมิกเทพบุตร เรียกว่า ขันติอุปบารมี
- ในภพที่เราเป็นสุปารบัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์ ยังเรือให้ข้ามสมุทรจนถึงฝั่ง เป็นกัณหทีปายนดาบส ระงับยาพิษ ได้ด้วยสัจจะ และเป็นวานรข้ามกระแสแม่น้ำคงคาได้ด้วยสัจจะ นี้เป็น สัจจอุปบารมี ของเรา
- ในภพที่เราเป็นมาตังฏิลและช้างมาตังคะ นี้เป็น อธิษฐานอุปบารมี
- ในภพที่เราเป็นโสณนันทบัณฑิตผู้ทำความรัก บารมีเหล่านั้นเป็น เมตตาอุปบารมี
- ในภพที่เราเป็นยุธัญชยกุมาร มหาโควินทพราหมณ์ คนเลี้ยงช้าง อโยฆรราชโอรส ภัลลาติ สุวรรณสาม มฆเทวะและเนมิราช บารมีเหล่านี้เป็นอุปบารมี
ปรมัตถบารมี
- ในภพที่เราเป็นพระยาไก่ป่าสีลวนาคและพระยากระต่าย เป็น ทานปรมัตถบารมี
- ในภพที่เราเป็นสังขปาลบัณฑิต เป็น ศีลปรมัตถบารมี
- ในภพที่เราเป็นพระราชา ผู้มีศีล มีความเพียร เป็นผู้ก่อให้เกิดสัตตุภัสตชาดก บารมีนี้แลเป็น ปัญญาปรมัตถบารมี
- ในภพที่เราเป็นพระราชาผู้มีความเพียร บากบั่น เป็น วิริยปรมัตถบารมี
- ในภพที่เราเป็นขันติวาทีดาบส แสวงหาพุทธภูมิด้วยการบำเพ็ญขันติบารมี ได้ทำกรรมที่ทำได้ยากเป็นอันมาก นี้เป็น ขันติปรมัตถบารมี
- ในภพที่เราเป็นสุตโสมราชา รักษาสัจจะอย่างสูง ช่วยปล่อยกษัตริย์ ๑๐๑ นี้เป็น สัจจปรมัตถบารมี
- ในภพที่เราเป็นมูคผักขกุมาร เป็น อธิษฐานปรมัตถบารมี
- เมตตาบารมีในภพที่เราเป็นพระเจ้าเอกราช เป็นบารมีไม่มีของผู้อื่นเหมือน นี้เป็น เมตตาปรมัตถบารมี
- ในภพที่เราเป็นโลมหังสบัณฑิต เป็น อุเบกขาปรมัตถบารมี
บารมีของเรา ๑๐ ประการนี้ เป็นส่วนแห่งโพธิญาณอันเลิศ บารมียิ่งกว่า ๑๐ ไม่มี หย่อนกว่า ๑๐ ก็ไม่มี เราบำเพ็ญบารมีทุกอย่างไม่ยิ่งไม่หย่อน เป็น บารมี ๑๐ ประการ ฉะนี้แล
เรียบเรียงจาก สโมธานกถา พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๓ ข้อที่ ๓๖ หน้า ๔๐๖-๔๐๘