มหาปุริสลักษณะ



พระมหาบุรุษผู้สมบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการเหล่านี้ ย่อมมีคติเป็นสองเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น คือ

ถ้าครองเรือน จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม

เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้ว มีราชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คฤหบดีแก้ว ปริณายกแก้วเป็นที่ ๗ พระราชบุตรของพระองค์มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้ พระองค์ทรงชนะโดยธรรมโดยเสมอ มิต้องใช้ศาสตรา มิต้องใช้อาชญา มิได้มีเสนียด ครอบครองแผ่นดิน มีสาครเป็นขอบเขต มิได้มีเสาเขื่อน มิได้มีนิมิต ไม่มีเสี้ยนหนาม สำเร็จแพร่หลาย มีความเกษมสำราญ

ถ้าเสด็จออกผนวชเป็นบรรพชิต จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

พวกฤาษีแม้ภายนอกพระศาสนา ย่อมทรงจำมหาปุริสลักษณะของพระมหาบุรุษ ๓๒ เหล่านี้ได้

แต่ฤาษีทั้งหลายนั้น ย่อมไม่ทราบว่า เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก สัตว์ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมอันตนทำสั่งสม พอกพูนไพบูลย์

สัตว์ที่บำเพ็ญกุศลกรรม ย่อมครอบงำเทวดาทั้งหลายในโลกสวรรค์โดยสถาน ๑๐ คือ

อายุทิพย์
วรรณทิพย์
ความสุขทิพย์
ยศทิพย์
ความเป็นอธิบดีทิพย์
รูปทิพย์
เสียงทิพย์
กลิ่นทิพย์
รสทิพย์
และโผฏฐัพพทิพย์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อม ได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน
เป็นผู้มีสมาทานมั่นในกุศลธรรม
มีสมาทานไม่ถอยหลังในกายสุจริต
ในวจีสุจริต ในมโนสุจริต
ในการบำเพ็ญทาน
ในการสมาทานศีล
ในการรักษาอุโบสถ
ในการปฏิบัติดีในมารดา ในบิดา
ในการปฏิบัติดีในสมณะ ในพรหม
ในความเป็นผู้เคารพต่อผู้ใหญ่ในสกุล
และในธรรมเป็นอธิกุศลอื่น ๆ

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

เพราะกรรมนั้นอันตนทำสั่งสม พอกพูนไพบูลย์ ตถาคตย่อมครอบงำเทวดาทั้งหลายในโลกสวรรค์โดยสถาน ๑๐



ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาถึงความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้

มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ

๑.  มีพระบาทประดิษฐานเป็นอันดี

คือ ทรงเหยียบพระบาทเสมอกันบนพื้น ทรงยกพระบาทขึ้นก็เสมอกัน ทรงจดภาคพื้นด้วยฝ่าพระบาททุกส่วนเสมอกัน

พระมหาบุรุษยินดีในวจีสัจ ในธรรม (กุศลกรรมบถ) ความฝึกตน ความสำรวม ความเป็นผู้สะอาด ศีลที่เป็นอาลัย อุโบสถกรรม ความไม่เบียดเบียนเหล่าสัตว์ และกรรมอันไม่สาหัส สมาทานแล้วมั่นคง ทรงประพฤติมาแล้วอย่างรอบคอบ

เพราะกรรมนั้น พระมหาบุรุษจึงหลีกไปสู่ไตรทิพย์ เสวยความสุขและสมบัติเป็นที่เพลิดเพลินยินดี จุติจากไตรทิพย์แล้ว เวียนมาในโลกนี้ เหยียบปฐพีด้วยฝ่าพระบาทอันเรียบ

เมื่ออยู่ครองฆราวาส ไม่มีใครสามารถข่มได้ มีแต่ครอบงำพวกปรปักษ์ เหล่าศัตรูมิอาจย่ำยีได้ ใคร ๆ ที่เป็นมนุษย์ในโลกนี้หาข่มได้ไม่ เพราะผลแห่งกุศลกรรมนั้น

ถ้าเข้าถึงบรรพชา ทรงยินดียิ่งด้วยความพอใจในเนกขัมมะ จะมีพระปรีชาเห็นแจ่มแจ้ง เป็นอัครบุคคล ไม่ถึงความเป็นผู้อันใคร ๆ ข่มได้

๒.  ณ พื้นภายใต้ฝ่าพระบาททั้งสองของพระมหาบุรุษ มีจักรเกิดขึ้น มีซี่กำข้างละพัน มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง 

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน  ได้เป็นผู้นำความสุขมาให้แก่ชนเป็นอันมาก บรรเทาภัย คือ ความหวาดกลัวและความหวาดเสียว จัดความรักษาปกครองป้องกันโดยธรรม และบำเพ็ญทานพร้อมด้วยวัตถุอันเป็นบริวาร

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาถึงความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ ในฝ่าพระบาททั้ง ๒ มีจักรเกิดเป็นอันมาก มีซี่กำพันหนึ่ง มีกง มีดุม บริบูรณ์ด้วยอาการ ทั้งปวง มีระหว่างอันกุศลกรรมแบ่งเป็นอันดี

หากอยู่ครองเรือน จักมีบริวาร ย่ำยีเสียซึ่งศัตรูเพราะจักรทั้งหลายมีกงโดยรอบอย่างนั้น จะยังจักรให้เป็นไปและปกครองแผ่นดิน มีกษัตริย์ที่มียศมากเป็นอนุยนต์ ติดตามห้อมล้อมพระองค์

ถ้าเข้าถึงบรรพชา เป็นผู้ยินดียิ่งด้วยความพอใจในเนกขัมมะ จะมีพระปรีชาเห็นแจ่มแจ้ง พวกเทวดา มนุษย์ อสูร ท้าวสักกะ ยักษ์ คนธรรพ์ นาค วิหค และสัตว์ ๔ เท้า ที่มียศมาก จะห้อมล้อมพระองค์ผู้ไม่มีใครยิ่งกว่า อันเทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว

๓.  มีส้นพระบาทยาว
๔.  มีพระองคุลี
(นิ้ว) ยาว
๕.  มีพระกายตรงเหมือนกายพรหม

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน ละปาณาติบาตแล้ว เว้นขาดจากปาณาติบาตแล้ว วางทัณฑะ วางศาตราแล้ว มีความละอาย มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก  (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ๓ ประการ คือ ส้นพระบาทยาว ๑ มีนิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาท ยาว ๑ มีพระกายตรงดังว่ากายแห่งพรหม ๑

เมื่อเป็นพระราชาได้ผลข้อนี้ คือ มีพระชนมายุยืนดำรงอยู่นาน ไม่มีใคร ๆ ที่เป็นมนุษย์ซึ่งเป็นข้าศึกศัตรูสามารถปลงพระชนม์ชีพได้

ถ้าทรงผนวชเป็นบรรพชิต จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  มีพระชนมายุยืน ดำรงอยู่นาน ไม่มีข้าศึกศัตรู จะเป็นสมณะ พราหมณ์ เทวดา พรหม มาร ใคร ๆ ในโลก สามารถปลงพระชนม์ชีพได้

๖.  มีพระมังสะเต็มในที่ ๗ สถาน

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นผู้ให้ของที่ควรเคี้ยวและของที่ควรบริโภค อันประณีตและมีรสอร่อย และให้น้ำที่ควรดื่ม

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ คือ มีมังสะอูมในที่ ๗ สถาน คือที่หลังพระหัตถ์ทั้ง ๒ ก็มีมังสะอูม ที่หลังพระบาททั้ง ๒ ก็มีมังสะอูม ที่บนพระอังสา (บ่า) ทั้ง ๒ ก็มีมังสะอูม ที่ลำพระศอก็มีมังสะอูม

เมื่อเป็นพระราชา เป็นผู้ได้ของควรเคี้ยวและโภชนะอันมีรสลักษณะนั้น

เมื่อทรงผนวช ก็ได้ขัชชโภชนาทิวัตถุนั้นเหมือนกัน พระองค์เป็นผู้ได้ของควร เคี้ยวและโภชนะมีรสอันอุดม

๗.  มีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม
๘.  มีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายดุจตาข่าย

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นผู้สงเคราะห์ประชาชนด้วยสังคหวัตถุ ๔ คือ การให้ การกล่าวคำเป็นที่รัก การประพฤติให้เป็นประโยชน์ และความเป็นผู้มีตนเสมอ

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ทั้ง ๒ นี้ คือ พระหัตถ์และพระบาทมีพื้นอ่อนนุ่ม ๑ และมีพระหัตถ์และพระบาทมีลายดังว่าร่างข่าย ๑

เมื่อเป็นพระราชา มีบริวารชนอันพระองค์พึงตรวจตราและสงเคราะห์ดี ตรัสถ้อยคำเป็นที่น่ารัก แสวงหาผลประโยชน์เกื้อกูลและความสุขให้ ทรงประพฤติความดีมากหลายที่พระองค์โปรดยิ่ง

เมื่อเป็นบรรพชิต ตรัสธรรมกถาแก่ประชุมชน ประชุมชนก็จะสนองคำของพระองค์ เลื่อมใสยิ่งนัก ครั้นฟังธรรมแล้ว ย่อมจะพากันประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม

๙.  มีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ
๑๐.  มีพระโลมชาติ
(ขน) มีปลายขึ้นช้อยขึ้นข้างบน มีสีเขียว มีสีเหมือนดอกอัญชัญ ขดเป็นกุณฑลทักษิณาวัฏ

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นผู้กล่าววาจาประกอบด้วยอรรถ ประกอบด้วยธรรม แนะนำประชาชนเป็นอันมาก เป็นผู้นำประโยชน์และความสุขมาให้แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็น ผู้บูชาธรรมเป็นปรกติ

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะ ทั้ง ๒ นี้ คือ มีพระบาทดุจสังข์คว่ำ ๑ มีพระโลมชาติล้วนมีปลายช้อยขึ้นข้างบนทุก ๆ เส้น ๑

เมื่ออยู่ครองเรือน จะถึงความเป็นผู้เลิศกว่าพวกที่บริโภคกาม ไม่มีใคร ๆ ยิ่งกว่าพระองค์ ทรงครอบงำชมพูทวีปเสียสิ้น

เมื่อทรงผนวช ก็จะทรงพระวิริยะอย่างประเสริฐ ถึงความเป็นผู้เลิศกว่าสรรพสัตว์ ไม่มีใคร ๆ ยิ่งกว่า พระองค์ได้ ทรงครอบงำโลกทั้งปวงอยู่

๑๑.  มีพระชงฆ์ (แข้ง) รีเรียวดุจแข้งเนื้อทราย

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นผู้ตั้งใจสอนศิลปะวิชชา จรณะ (ข้อที่ควรประพฤติ) หรือ กรรม (ปัญญาเป็นเครื่องรู้ว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน) ด้วยมนสิการว่า ทำไฉน ชนทั้งหลายนี้พึงรู้เร็ว พึงสำเร็จเร็ว ไม่พึงลำบากนาน

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระชงฆ์เรียวดังแข้งแห่งเนื้อทราย

เมื่ออยู่ครองเรือน จะทรงได้เฉพาะซึ่งหัตถาทิวาหนะอันคู่ควรแก่พระราชา ซึ่งเป็นองค์แห่งเสนาของพระราชา และเครื่องราชูปโภคอันสมควรแก่พระราชาโดยพลัน

เมื่อทรงผนวช จะทรงได้เฉพาะซึ่งจีวราทิปัจจัยอันสมควรแก่สมณะ และจตุบริษัทอันเป็นองค์ของสมณะ และทรงได้บริขารเป็นสมณูปโภค อันสมควรแก่สมณะโดยพลัน

๑๒.  มีพระฉวีละเอียด เพราะพระฉวีละเอียด ธุลีละอองจึงมิติดอยู่ในพระกายได้

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นผู้เข้าหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วซักถามว่า กรรมส่วนกุศลเป็นอย่างไร กรรมส่วนอกุศลเป็นอย่างไร กรรมส่วนที่มีโทษเป็นอย่างไร กรรมส่วนที่ไม่มีโทษเป็นอย่างไร กรรมที่ควรเสพเป็นอย่างไร กรรมที่ไม่ควรเสพเป็นอย่างไร กรรมอะไรทำอยู่พึงเป็นไปเพื่อไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน อนึ่ง กรรมอะไรทำอยู่พึงเป็นไปเพื่อเป็นประโยชน์ เพื่อสุขตลอดกาลนาน

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระฉวีสุขุมละเอียด เพราะพระฉวีสุขุมและละเอียด ธุลีละอองมิติด พระกายได้

ถ้าอยู่ครองเรือน ไม่มีใครประเสริฐหรือเสมอเท่าพระองค์ในการสั่งสอนสิ่งที่เป็นประโยชน์และในการกำหนด  มีปัญญามาก ไม่มีบรรดากามโภคีชนผู้ใดผู้หนึ่งมีปัญญาเสมอ หรือมีปัญญาประเสริฐกว่าพระองค์

ถ้าทรงผนวช จะมีพระปรีชาเห็นแจ่มแจ้ง ได้พระปรีชาอันพิเศษ อันยอดเยี่ยม บรรลุพระโพธิญาณ ทรงพระปรีชาอันประเสริฐกว้างขวางดังแผ่นดิน มีพระปรีชามาก มีพระปรีชากว้างขวาง มีพระปรีชาร่าเริง มีพระปรีชาว่องไว มีพระปรีชา เฉียบแหลม มีพระปรีชาทำลายกิเลส

๑๓.  มีพระฉวีวรรณดุจวรรณะแห่งทองคำ คือ มีพระตจะ (ผิวหนัง) ประดุจหุ้มด้วยทอง

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นผู้ไม่มีความโกรธ ไม่มีความแค้นใจ แม้ถูกคนหมู่มากว่าเอา ก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธ ไม่ปองร้าย ไม่จองผลาญ ไม่ทำความโกรธความเคืองและความเสียใจให้ปรากฏ และเป็นผู้ให้เครื่องลาดมีเนื้อละเอียดอ่อน และให้ผ้าสำหรับนุ่งห่ม คือ ผ้าโขมพัสตร์มีเนื้อละเอียด ผ้าฝ้ายมีเนื้อละเอียด ผ้าไหมมีเนื้อละเอียด ผ้ากัมพลมีเนื้อละเอียด

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีวรรณะดังทองคำ มีผิวหนังคล้ายทองคำ

ถ้าอยู่ครองเรือน ทรงได้เฉพาะซึ่งสัตตรัตนะ (เครื่องแก้วเจ็ดประการ) และความเป็นผู้มีพระฉวีสะอาดละเอียดงามลบล้นประชุมชนในโลกนี้ จะได้เครื่องลาดมีเนื้อละเอียดอ่อน ทั้งได้ผ้าสำหรับนุ่งห่ม คือ ผ้าโขมพัสตร์มีเนื้อละเอียด ผ้าฝ้ายมีเนื้อละเอียด ผ้าไหมมีเนื้อละเอียด ผ้ากัมพลมีเนื้อละเอียด

ถ้าทรงผนวช จะทรงได้ซึ่งผ้าสำหรับทรงครองเป็นผ้าเครื่องนุ่งห่มอย่างดี ทรงได้เครื่องลาดมีเนื้อละเอียดอ่อน ทรงได้ผ้าสำหรับนุ่งห่ม

๑๔.  มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นผู้นำพวกญาติมิตรสหายผู้มีใจดีที่สูญหายพลัดพรากไปนานให้กลับมาพบกัน นำมารดากับบุตรให้พบกัน นำบุตรกับมารดาให้พบกัน นำบิดากับบุตร ให้พบกัน นำบุตรกับบิดาให้พบกัน นำบิดากับพี่น้องให้พบกัน นำพี่ชายกับ น้องสาวให้พบกัน นำน้องสาวกับพี่ชายให้พบกัน ครั้นทำเขาให้พร้อมเพรียงกัน แล้วก็ชื่นชม

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก

ถ้าอยู่ครองเรือน จะมีพระโอรสมาก พระราชบุตรมีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้

ถ้าทรงผนวช จะมีพระโอรสมาก พระโอรสของพระองค์มีจำนวนหลายพัน ล้วนเป็นผู้แกล้วกล้า ดำเนินตามพระพุทธพจน์ มีความเพียรเป็นองค์สมบัติ กำจัดปรเสนาเสียได้

๑๕.  มีปริมณฑลดุจไม้นิโครธ วาของพระองค์เท่ากับพระกายของพระองค์ พระกายของพระองค์ก็เท่ากับวาของพระองค์
๑๖.  เสด็จสถิตยืนอยู่มิได้น้อมลง เอาฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองลูบคลำได้ถึงพระชาณุ
(เข่า) ทั้งสอง

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เมื่อตรวจดูมหาชนที่ควรสงเคราะห์ ย่อมรู้จักชนที่เสมอกัน รู้จักเอง รู้จักบุรุษ รู้จักบุรุษพิเศษ หยั่งทราบว่าบุคคลนี้ควรแก่สักการะนี้ บุคคลนี้ควรแก่สักการะนี้ ดังนี้ แล้วทำกิจเป็นประโยชน์อันพิเศษในบุคคลนั้น ๆ ในกาลก่อน ๆ

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระกายเป็นปริมณฑลดังว่านิโครธพฤกษ์ ๑ เมื่อทรงยืนอยู่ไม่ต้องทรงน้อมพระกายลง ย่อมลูบคลำพระชาณุทั้ง ๒ ด้วยฝ่ายพระหัตถ์ทั้ง ๒ ได้ ๑

ถ้าอยู่ครองเรือน เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีเครื่องอุปกรณ์น่าปลื้มใจมาก มีทรัพย์และข้าวเปลือกมาก มีคลังเต็มบริบูรณ์

ถ้าทรงผนวช เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก ทรัพย์ของพระองค์นั้น คือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ สุตะ จาคะ ปัญญา จะทรงได้อนุตตรธรรมอันเป็นทรัพย์อย่าง ประเสริฐสูงสุด

๑๗.  มีกึ่งพระกายท่อนบนเหมือนกึ่งกายท่อนหน้าของสีหะ
๑๘.  มีระหว่างพระอังสะเต็ม
๑๙.  มีลำพระศอกลมเท่ากัน

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นผู้หวังประโยชน์ หวังความเกื้อกูล หวังความผาสุก หวังความเกษมจากโยคะแก่ชนเป็นอันมาก ด้วยมนสิการว่า ทำไฉน ชนเหล่านี้พึงเจริญด้วยศรัทธา เจริญด้วยศีล เจริญด้วยสุตตะ เจริญด้วยพุทธิ เจริญด้วยจาคะ เจริญด้วยธรรม เจริญด้วยปัญญา เจริญด้วยทรัพย์และข้าวเปลือก เจริญด้วยนาและสวน เจริญด้วยสัตว์สองเท้าและสัตว์สี่เท้า เจริญด้วยบุตรและภรรยา เจริญด้วยทาสและกรรมกร เจริญด้วยญาติ เจริญด้วยมิตร เจริญด้วยพวกพ้อง และพละ วรรณะ สุข

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีส่วนพระกายข้างหน้าดังว่ากึ่งกายข้างหน้าแห่งราชสีห์ ๑ มีระหว่างพระปฤษฎางค์เต็มดี ๑ มี ลำพระศอกลมเสมอกัน ๑

เมื่อยู่ครองเรือน มีความไม่เสื่อมเป็นธรรมดา คือ ไม่เสื่อมจากทรัพย์และข้าวเปลือก ไม่เสื่อมจากนาและสวน ไม่เสื่อมจากสัตว์สองเท้าและสัตว์สี่เท้า ไม่เสื่อมจากบุตรและภรรยา ไม่เสื่อมจากทาสและกรรมกร ไม่เสื่อมจากญาติ ไม่เสื่อมจากมิตร ไม่เสื่อมจากพวกพ้อง ไม่เสื่อมจากสรรพสมบัติ

ถ้าทรงผนวช มีความไม่เสื่อมเป็นธรรมดา คือ ไม่เสื่อมจากศรัทธา ไม่เสื่อมจากศีล ไม่เสื่อมจากสุตะ ไม่เสื่อมจากจาคะ ไม่เสื่อมจากปัญญา ไม่เสื่อมจากสมบัติทั้งปวง

๒๐.  มีปลายเส้นประสาทสำหรับนำรสอาหารอันดี

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายด้วยฝ่ามือ ก้อนดิน ท่อนไม้ หรือศัสตรา

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีเส้นประสาทสำหรับนำรสอาหารอันเลิศ กล่าวคือ พระมหาบุรุษนั้นมีเส้นประสาท มีปลายในเบื้องบนประชุมอยู่ที่ลำพระศอ สำหรับนำรสอาหารแผ่ซ่านไปสม่ำเสมอทั่วพระกาย

เมื่อครองเรือน มีพระโรคาพาธน้อย มีความลำบากน้อย สมบูรณ์ด้วยพระเตโชธาตุอันยังอาหารให้ย่อยดี ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก

ถ้าทรงผนวช มีพระโรคาพาธน้อย มีความลำบากน้อย สมบูรณ์ด้วยพระเตโชธาตุอันยังอาหารให้ย่อยดี ไม่เย็นนัก ไม่ร้อน นัก อันควรแก่พระปธานเป็นปานกลาง

๒๑.  มีพระเนตรดำสนิท
๒๒.  มีดวงพระเนตรดุจตาแห่งโค

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน ไม่ถลึงตาดู ไม่ค้อนตาดู ไม่ชำเลืองตาดู (พหุชนด้วยอำนาจความ โกรธ) เป็นผู้ตรง มีใจตรงเป็นปรกติ แลดูตรง ๆ และแลดูพหุชนด้วยปิยจักษุ

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ พระเนตรสีดำสนิท ๑ มีดวงพระเนตรดังว่าตาแห่งโค ๑

เมื่อครองเรือน เป็นผู้อันชนเป็นอันมากเห็นแล้วรัก เป็นที่รักใคร่พอใจแห่งพราหมณ์และคฤหบดี แห่งชาวนิคม และชาวชนบท แห่งโหราจารย์และมหาอำมาตย์ แห่งกองทหาร แห่งนายประตู แห่งอำมาตย์ แห่งบริษัท แห่งพวกเจ้า แห่งเศรษฐี แห่งพระราชกุมาร

ถ้าทรงผนวช เป็นผู้ที่ชนเป็นอันมากเห็นแล้วรัก เป็นที่รักใคร่พอใจแห่งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เทวดา มนุษย์ อสูร นาค และคนธรรพ์ ย่อมเป็นที่รักของพหุชน และยังชนเป็นอันมากให้สร่างโศก

๒๓.  มีพระเศียรดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน เป็นหัวหน้าของพหุชนในธรรมทั้งหลายฝ่ายกุศล เป็นประธานของพหุชนด้วยกายสุจริต ด้วยวจีสุจริต ด้วยมโนสุจริต ในการบำเพ็ญทาน ในการสมาทานศีล ในการรักษาอุโบสถ ในความปฏิบัติดีในมารดา ในความปฏิบัติดีในบิดา ในความปฏิบัติดีในสมณะ ในความปฏิบัติดีในพราหมณ์ ในความเคารพต่อเชฏฐชนในสกุล และในธรรมเป็นอธิกุศลอื่น ๆ

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระเศียรได้ปริมณฑล ดุจดังว่าประดับด้วยอุณหีส

เมื่อครองเรือน เป็นที่คล้อยตามของมหาชน จะได้ความช่วยเหลือในชนมากโดยแท้

ถ้าทรงผนวช เป็นที่คล้อยตามแห่งมหาชนที่เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ จะปราชญ์เปรื่อง มีความชำนาญวิเศษในธรรมทั้งหลาย และชนเป็นอันมากจะเป็นผู้ยินดียิ่งในความสั่งสอนของพระองค์ และจะคล้อยตาม

๒๔.  มีพระโลมชาติ (ขน) เส้นหนึ่ง ๆ เกิดในขุมละเส้น ๆ
๒๕.  มีพระอุณาโลม
(ขนระหว่างคิ้ว) บังเกิด ณ ระหว่างพระขนง มีสีขาวอ่อน เปรียบด้วยนุ่น

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีโลมชาติขุมละเส้น ๆ ๑ และ มีอุณาโลมในระหว่างคิ้ว มีสีขาวอ่อนเหมือนปุยฝ้าย ๑

เมื่อครองเรือน เป็นที่ประพฤติตามของมหาชนที่เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร พหุชนย่อมประพฤติตาม

เมื่อทรงผนวช เป็นที่ประพฤติตามของมหาชนที่เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์ หมู่ชนย่อมประพฤติตามพระมหาบุรุษผู้ตัดกังวล ทรงผนวชเป็นพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ

๒๖.   มีพระทนต์ ๔๐ (ฟัน) ซี่
๒๗.  มีพระทนต์เรียบเสมอกัน

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน เพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ ๑ มีพระทนต์ไม่ห่าง ๑

เมื่อครองเรือน มีบริษัทไม่แตกกัน บริษัทของพระองค์ไม่แตกกัน

เมื่อทรงผนวช มีบริษัทไม่แตกกัน บริษัทของพระองค์ไม่แตกกัน เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็น คนธรรพ์ บริษัทของพระองค์จะดำเนินตาม ไม่มีความหวั่นไหว

๒๘.  มีพระชิวหา (ลิ้น) ใหญ่
๒๙.  มีพระสุรเสียงดุจเสียงแห่งพรหม ตรัสมีสำเนียงดังนกกรวิก

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รัก จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระชิวหาใหญ่ ๑ มีพระสุรเสียงดังว่าเสียงพรหม เมื่อตรัสมีกระแสเหมือนเสียงนกการะเวก ๑

เมื่อครองเรือน มีพระวาจาอันพหุชนพึงเชื่อถือ พหุชนที่เชื่อถือคำของพระองค์ เป็นพราหมณ์ เป็นคฤหบดี เป็นชาวนิคม เป็นชาวชนบท เป็นโหราจารย์ เป็นมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร

เมื่อทรงผนวช มีพระวาจาอันพหุชนเชื่อถือ พหุชนที่เชื่อถือพระวาจาของพระองค์ เป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็นอุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์

๓๐.  มีพระหนุ (คาง) ดุจคางราชสีห์

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน ละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่กำหนด ประกอบประโยชน์โดยกาลอันควร

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มี พระหนุดังว่าคางราชสีห์

เมื่อครองเรือน ไม่มีใคร ๆ ที่เป็นมนุษย์เป็นข้าศึกศัตรูกำจัดได้

เมื่อทรงผนวช ไม่มีข้าศึกศัตรูภายในภายนอก คือ ราคะ โทสะ โมหะ หรือสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม ใคร ๆในโลกกำจัดได้ พระองค์เป็นผู้ใหญ่ยิ่งของ มวลมนุษย์ มีอานุภาพมาก เป็นผู้เสมอด้วยเทวดาผู้ประเสริฐในชั้นไตรทิพย์และเป็นเหมือนพระอินทร์ผู้ประเสริฐกว่าเทวดา เป็นผู้มั่นคง อันคนธรรพ์ อสูร ท้าวสักกะ และยักษ์ผู้กล้าไม่กำจัดได้โดยง่ายเลย พระมหาบุรุษเช่นนั้น ย่อมเป็นใหญ่ทุกทิศในโลกนี้โดยแท้

๓๑.  มีพระทนต์ไม่ห่าง
๓๒.  มีพระทาฐะ
(เขี้ยว) ขาวงาม

ตถาคตเคยเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ภพก่อน ละมิจฉาอาชีวะแล้ว สำเร็จความเป็นอยู่ด้วยสัมมาอาชีวะ เว้นขาดจากการโกงด้วยตาชั่ง การโกงด้วยของปลอม และการโกงด้วยเครื่องตวงวัด และการโกงด้วยการรับสินบน การหลอกลวงและตลบตะแลง เว้นขาดจากการตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้นและกรรโชก

เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก (เมื่อตาย) ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

ครั้นจุติจากโลกสวรรค์นั้นแล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งมหาปุริสลักษณะนี้ คือ มีพระทนต์เสมอกัน ๑ และมีพระทาฐะสีขาว งาม ๑

เมื่อครองเรือน มีบริวารสะอาด บริวารของพระองค์ที่สะอาดนั้นเป็นพราหมณ์ และคฤหบดี เป็นชาวนิคม และชาวชนบท เป็นโหราจารย์และมหาอำมาตย์ เป็นกองทหาร เป็นนายประตู เป็นอำมาตย์ เป็นบริษัท เป็นเจ้า เป็นเศรษฐี เป็นราชกุมาร ไม่กดขี่เบียดเบียนชาวชนบท ชนทั้งหลายต่างประพฤติกิจเป็นประโยชน์ และเป็นสุขแก่ชนมาก

เมื่อทรงผนวช มีบริวารสะอาด บริวารของพระองค์ที่สะอาดนั้นเป็นภิกษุ เป็นภิกษุณี เป็นอุบาสก เป็น อุบาสิกา เป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นอสูร เป็นนาค เป็นคนธรรพ์

 

 

 

 

เรียบเรียงจาก : ลักขณสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๑​ ข้อที่ ๑๓๐-๑๗๑ หน้า ๑๑๓-๑๓๗