ภาพปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ครั้งนั้น มนุษย์ทั้งหลายในชมพูทวีปทั้งสิ้นรวมกันเป็นพวกๆ คิดมงคลทั้งหลายกันว่า อะไรหนอเป็นมงคล
แม้อารักขเทวดาทั้งหลาย ภุมมเทวดา อากาสัฏฐเทวดา เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา จนถึงอกนิษฐเทวดา ก็คิดมงคลทั้งหลาย
การคิดเรื่องมงคลเกิดขึ้นในที่ทุกแห่งจนถึงหมื่นจักวาล คิดกันอยู่สิ้นเวลา ๑๒ ปี พวกมนุษย์พวกเทวดา และพวกพรหมทั้งปวง เว้นพระอริยสาวกทั้งหลาย แตกกันเป็น ๓ พวก คือ
พวกทิฏฐมังคลิกะพวก ๑
พวกสุตมังคลิกะพวก ๑
พวกมุตมังคลิกะพวก ๑
ไม่มีใครแม้คนเดียวที่ชื่อว่าถึงการตัดสินใจได้ตามความเป็นจริงว่า สิ่งนี้เท่านั้นเป็นมงคล ความโกลาหลเรื่องมงคลเกิดขึ้นแล้วในโลก
ท้าวสักกะเทวราชจึงตรัสสั่งเทพบุตรองค์หนึ่งให้ไปทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า เทพบุตรองค์นั้นประดับองค์ด้วยเครื่องอลังการตามสมควร โชติช่วงอยู่ประดุจสายฟ้า มีหมู่เทพแวดล้อม มายังพระมหาวิหารเชตวัน ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
"เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดีได้พากันคิดมงคลทั้งหลาย ขอพระองค์ได้โปรดตรัสอุดมมงคล"
พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาตอบว่า
"การไม่คบคนพาล ๑
การคบบัณฑิต ๑
การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑
นี้เป็นอุดมมงคล
การอยู่ในประเทศอันสมควร ๑
ความเป็นผู้มีบุญอันทำไว้แล้วในกาลก่อน ๑
การตั้งตนไว้ชอบ ๑
นี้เป็นอุดมมงคล
พาหุสัจจะ ๑
ศิลป ๑
วินัยที่ศึกษาดีแล้ว ๑
วาจาสุภาษิต ๑
นี้เป็นอุดมมงคล
การบำรุงมารดาบิดา ๑
การสงเคราะห์บุตรภรรยา ๑
การงานอันไม่อากูล ๑
นี้เป็นอุดมมงคล
ทาน ๑
การประพฤติธรรม ๑
การสงเคราะห์ญาติ ๑
กรรมอันไม่มีโทษ ๑
นี้เป็นอุดมมงคล
การงดเว้นจากบาป ๑
ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑
ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑
นี้เป็นอุดมมงคล
ความเคารพ ๑
ความประพฤติถ่อมตน ๑
ความสันโดษ ๑
ความกตัญญู ๑
การฟังธรรมโดยกาล ๑
นี้เป็นอุดมมงคล
ความอดทน ๑
ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑
การได้เห็นสมณะทั้งหลาย ๑
การสนทนาธรรมโดยกาล ๑
นี้เป็นอุดมมงคล
ความเพียร ๑
พรหมจรรย์ ๑
การเห็นอริยสัจ ๑
การกระทำนิพพานให้แจ้ง ๑
นี้เป็นอุดมมงคล
จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว ไม่เศร้าโศก ปราศจากธุลี เป็นจิตเกษม นี้เป็นอุดมมงคล
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายทำมงคลเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่ปราชัยในข้าศึกทุกหมู่เหล่า ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุกสถาน นี้เป็นอุดมมงคลของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น"
อ้างอิง :
มงคลสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๖-๗ และอรรถกถา