เหตุ ๖ ประการ เหล่านี้ คือ
การนอนสาย ๑
การเสพภรรยาผู้อื่น ๑
ความประสงค์ผูกเวร ๑
ความเป็นผู้ทำแต่สิ่งหาประโยชน์มิได้ ๑
มิตรชั่ว ๑
ความเป็นผู้ตระหนี่เหนียวแน่นนัก ๑
ย่อมกำจัดบุรุษเสียจากประโยชน์สุขที่จะพึงได้พึงถึง
คนมีมิตรชั่ว มีเพื่อนชั่ว มีมรรยาทและการเที่ยวชั่ว ย่อมเสื่อมจากโลกทั้งสอง คือ จากโลกนี้และจากโลกหน้า
เหตุ ๖ ประการ เหล่านี้ คือ
การพนันและหญิง ๑
สุรา ๑
ฟ้อนรำขับร้อง ๑
นอนหลับในกลางวันบำเรอตนในสมัยมิใช่การ ๑
มิตรชั่ว ๑
ความตระหนี่เหนียวแน่นนัก ๑
ย่อมกำจัดบุรุษเสียจากประโยชน์สุข ที่จะพึงได้พึงถึง
ชนเหล่าใดเล่นการพนัน ดื่มสุรา เสพหญิงภรรยาที่รักเสมอด้วยชีวิตของผู้อื่น คบแต่คนต่ำช้า และไม่คบหาคนที่มีความเจริญ ย่อมเสื่อมเพียงดังดวงจันทร์ในข้างแรม
ผู้ใดดื่มสุรา ไม่มีทรัพย์ หาการงานทำเลี้ยงชีวิตมิได้ เป็นคนขี้เมา ปราศจากสิ่งเป็นประโยชน์ เขาจักจมลงสู่หนี้ เหมือนก้อนหินจมน้ำ ฉะนั้น จักทำความอากูลแก่ตนทันที
คนมักมีการนอนหลับในกลางวัน เกลียดชังการลุกขึ้นในกลางคืน เป็นนักเลงขี้เมาเป็นนิจ ไม่อาจครอบครองเหย้าเรือนให้ดีได้ ประโยชน์ทั้งหลายย่อมล่วงเลยชายหนุ่มที่ละทิ้งการงานด้วยอ้างเลศว่า หนาวนัก ร้อนนัก เวลานี้เย็นเสียแล้ว ดังนี้ เป็นต้น
ส่วนผู้ใดไม่สำคัญความหนาวและความร้อนยิ่งไปกว่าหญ้า ทำกิจของบุรุษอยู่ ผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจากความสุขเลย
อ้างอิง : สิงคาลกสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๑ ข้อ ๑๘๕ หน้า ๑๔๑-๑๔๒