สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี
ครั้งนั้นแล ท่านพระสวิฏฐะกับท่านพระมหาโกฏฐิตะได้พากันไปหาท่านพระสารีบุตรจนถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวกะท่านพระสวิฏฐะว่า
“ดูกรอาวุโสสวิฏฐะ บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ
กายสักขีบุคคล ๑
ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑
สัทธาวิมุตตบุคคล ๑
ดูกรท่านผู้มีอายุ บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ท่านชอบใจบุคคลจำพวกไหน ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า”
พระสวิฏฐะกล่าวว่า
“ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ กระผมชอบใจ บุคคลผู้สัทธาวิมุตต ซึ่งเป็นผู้งามกว่าแลประณีตกว่า
ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร
เพราะ สัทธินทรีย์ ของบุคคลนี้มีประมาณยิ่ง”
ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรได้ถามท่านพระมหาโกฏฐิตะว่า
“ดูกรอาวุโสโกฏฐิตะ บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ กายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑
บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ท่านชอบใจบุคคลจำพวกไหนซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า”
ท่านพระโกฏฐิตะกล่าวว่า
“ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ กระผมชอบใจ บุคคลกายสักขี ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า
ข้อนั้น เพราะเหตุไร
เพราะ สมาธินทรีย์ ของบุคคลนี้มีประมาณยิ่ง”
ลำดับนั้นแล ท่านพระมหาโกฏฐิตะได้ถามท่านพระสารีบุตรบ้างว่า
“ข้าแต่ท่านพระสารีบุตร บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก คือ กายสักขีบุคคล ๑ ทิฏฐิปัตตบุคคล ๑ สัทธาวิมุตตบุคคล ๑
บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ท่านชอบใจบุคคลจำพวกไหน ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า”
พระสารีบุตรกล่าวว่า
“ดูกรท่านโกฏฐิตะ บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ ผมชอบใจ บุคคลผู้ทิฏฐิปัตตะ ซึ่งเป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะ ปัญญินทรีย์ ของบุคคลนี้มีประมาณยิ่ง”
ครั้งนั้นแล ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวกะท่านพระสวิฏฐะและท่านพระมหาโกฏฐิตะว่า
“ดูกรอาวุโส เราทั้งหมดด้วยกันต่างได้พยากรณ์ตามปฏิภาณของตน
มาไปด้วยกันเถอะ เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับแล้วกราบทูลข้อความนี้ พระผู้มีพระภาคจักทรงพยากรณ์แก่เราอย่างไร เราจักทรงจำพระพุทธพยากรณ์นั้นไว้อย่างนั้น”
ท่านพระสวิฏฐะกับท่านพระมหาโกฏฐิตะได้รับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว
ลำดับนั้นแล ท่านพระสารีบุตร ท่านพระสวิฏฐะ และท่านพระมหาโกฏฐิตะ ได้พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กราบทูลการเจรจาปราศรัยกับท่านพระสวิฏฐะและท่านมหาโกฏฐิตะทั้งหมดแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
“ดูกรสารีบุตร การที่จะพยากรณ์ในข้อนี้โดยส่วนเดียวว่า
บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ บุคคลนี้เป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่า ดังนี้ ไม่ใช่จะทำได้โดยง่ายเลย
เพราะข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ
บุคคลผู้สัทธาวิมุตตนี้
เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์
บุคคลผู้เป็นกายสักขี ผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ
ก็พึงเป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
บุคคลผู้ทิฏฐิปัตตะ
เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์
บุคคลผู้สัทธาวิมุตต
เป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
และแม้บุคคลผู้กายสักขี
ก็พึงเป็นพระสกทาคามี หรือพระอนาคามี
ดูกรสารีบุตร การที่จะพยากรณ์ในข้อนี้โดยส่วนเดียวว่า บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนี้ บุคคลนี้เป็นผู้งามกว่าและประณีตกว่าไม่ใช่จะทำได้โดยง่ายเลย
อ้างอิง : สวิฎฐสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ ข้อที่ ๔๖๐ หน้า ๑๑๓-๑๑๔
ภาพประกอบ : Anthony Suchart