พันธนสูตร - เครื่องพันธนาการ



ก็โดยสมัยนั้นแล หมู่มหาชนถูกพระเจ้าปเสนทิโกศลให้จองจำไว้แล้ว บางพวกถูกจองจำด้วยเชือก บางพวกถูกจองจำด้วยขื่อคา บางพวกถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน

ครั้งนั้นแล ภิกษุหลายรูปครองผ้าเรียบร้อยแล้ว ในเวลาเช้า ถือบาตและจีวรเข้าไปสู่พระนครสาวัตถี เพื่อบิณฑบาต

ครั้นกลับจากบิณฑบาต ในเวลาหลังภัตตาหารแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว จึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาค แล้วได้นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า


“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้หมู่มหาชนถูกพระเจ้าปเสนทิโกศลให้จองจำไว้แล้ว บางพวกถูกจองจำด้วยเชือก บางพวกถูกจองจำด้วยขื่อคา บางพวกถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน”

พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ในเวลานั้นว่า

“นักปราชญ์ทั้งหลาย ไม่ได้กล่าวเครื่องจองจำ
...ที่ทำด้วยเหล็ก
...ทำด้วยไม้
...และทำด้วยหญ้า (เชือก)
ว่าเป็นเครื่องจองจำที่มั่น

นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าว...
ความรักใคร่พอใจนักในแก้วมณีและกุณฑล
และความห่วงอาลัยในบุตรและภรรยาทั้งหลาย
…ว่าเป็นเครื่องจองจำที่มั่น

พาให้ตกต่ำ เป็นเครื่องจองจำที่หย่อน ๆ
แต่ปลดเปลื้องได้ยาก

นักปราชญ์ทั้งหลาย
ตัดเครื่องจองจำแม้เช่นนั้น …ออกบวช
เป็นผู้ไม่มีความห่วงอาลัย
…ละกามสุขเสียแล้ว”

 

 

อ้างอิง : พันธนสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๕ ข้อที่ ๓๕๒-๓๕๓ หน้า ๙๗-๙๘