ครั้งนั้นแล มหาอำมาตย์ของพระราชาชื่อว่าอุคคะ ได้เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เคยมีมา
เหตุที่มิคารเศรษฐี ผู้เป็นหลานโรหณเศรษฐี
เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากถึงเพียงนี้”
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
“ดูกรอุคคะ ก็มิคารเศรษฐีหลานโรหณเศรษฐี มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากสักเท่าไร”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มีทองแสนลิ่ม จะกล่าวไปไยถึงเงิน”
“ดูกรอุคคะ ทรัพย์นั้นมีอยู่เรามิได้กล่าวว่าไม่มี แต่ทรัพย์นั้น เป็นของทั่วไปแก่ไฟ น้ำ พระราชา โจร ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก"
ทรัพย์ที่ใครก็พรากไปไม่ได้
"ดูกรอุคคะ ทรัพย์ ๗ ประการนี้แล ไม่ทั่วไปแก่ไฟ น้ำ พระราชา โจร ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก
๗ ประการเป็นไฉน คือ
ทรัพย์ คือ
ศรัทธา ๑
ศีล ๑
หิริ ๑
โอตตัปปะ ๑
สุตะ ๑
จาคะ ๑
ปัญญา ๑
ดูกรอุคคะ ทรัพย์ ๗ ประการนี้แล ไม่ทั่วไปแก่ไฟ น้ำ พระราชา โจร ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก
ทรัพย์ คือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ
สุตะ จาคะ และปัญญาเป็นที่ ๗
ทรัพย์เหล่านี้มีแก่ผู้ใด
เป็นหญิงหรือชายก็ตาม
...ผู้นั้นเป็นผู้มีทรัพย์มากในโลก
อันอะไร ๆ พึงผจญไม่ได้ในเทวดาและมนุษย์
เพราะฉะนั้น ท่านผู้มีปัญญา…
เมื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
พึงประกอบศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และการเห็นธรรม
อ้างอิง : อุคคสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ ข้อที่ ๗ หน้า ๖-๗