สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อัคคาฬวเจดีย์ ใกล้เมืองอาฬวี ครั้งนั้นแล หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี มีอุบาสกประมาณ ๕๐๐ คน แวดล้อม เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีว่า
“ดูกรหัตถกะ บริษัทของท่านนี้ใหญ่ ก็ท่านสงเคราะห์บริษัทใหญ่นี้อย่างไร”
หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีกราบทูลว่า
สังคหวัตถุ ๔ ประการ
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงสังคหวัตถุ ๔ ประการไว้
ข้าพระองค์สงเคราะห์บริษัทใหญ่นี้ ด้วยสังคหวัตถุ ๔ ประการเหล่านั้น
ข้าพระองค์รู้ว่า...
ผู้นี้ควรสงเคราะห์ด้วยทาน
ข้าพระองค์ก็สงเคราะห์ด้วยทาน
ผู้นี้ควรสงเคราะห์ด้วยวาจาอ่อนหวาน
ข้าพระองค์ก็สงเคราะห์ด้วยวาจาอ่อนหวาน
ผู้นี้ควรสงเคราะห์ด้วยการประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์
ข้าพระองค์ก็สงเคราะห์ด้วยการประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์
ผู้นี้ควรสงเคราะห์ด้วยการวางตัวเสมอ
ข้าพระองค์ก็สงเคราะห์ด้วยการวางตัวเสมอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ก็โภคทรัพย์ในตระกูลของข้าพระองค์ มีอยู่
ชนทั้งหลายจึงสำคัญถ้อยคำของข้าพระองค์ว่า ควรฟัง ไม่เหมือนของคนจน”
“ถูกแล้ว ๆ หัตถกะ สังคหวัตถุ ๔ ประการ นี้แล เป็นอุบายที่ท่านสงเคราะห์บริษัทใหญ่
ดูกรหัตถกะ จริงอยู่ ใคร ๆ ก็ตามที่สงเคราะห์บริษัทใหญ่ ในอดีตกาล ก็ล้วนแต่สงเคราะห์ด้วยสังคหวัตถุ ๔ ประการนี้
และใคร ๆ ก็ตามที่จักสงเคราะห์บริษัท ในอนาคตกาล ก็ล้วนแต่จักสงเคราะห์ด้วยสังคหวัตถุ ๔ ประการนี้แล
ใคร ๆ ก็ตามย่อมสงเคราะห์บริษัทใหญ่ ในปัจจุบัน ก็ล้วนแต่สงเคราะห์ด้วยสังคหวัตถุ ๔ ประการนี้แล”
ลำดับนั้น หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี อันพระผู้มีพระภาค ทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว ลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป
ธรรมที่น่าอัศจรรย์ของหัตถกอุบาสก
ลำดับนั้น เมื่อหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี หลีกไปแล้วไม่นาน พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงทรงจำหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีว่า เป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ
๘ ประการเป็นไฉน
หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี
เป็นผู้มีศรัทธา ๑
มีศีล ๑
มีหิริ ๑
มีโอตตัปปะ ๑
เป็นพหูสูต ๑
มีจาคะ ๑
มีปัญญา ๑
มีความปรารถนาน้อย ๑
เธอทั้งหลายจงทรงจำหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีว่าเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมา ๘ ประการนี้แล"
อ้างอิง : หัตถกสูตรที่ ๒ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ ข้อที่ [๑๑๔] หน้า ๑๖๗-๑๖๘