ปุตตสูตร - บุตร ๓ จำพวก



พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

 “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  บุตร ๓ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก  

๓ จำพวกเป็นไฉน คือ  

อติชาตบุตร ๑  
อนุชาตบุตร ๑  
อวชาตบุตร ๑


ดูกรภิกษุ อติชาตบุตร เป็นอย่างไร 

มารดาบิดาของบุตรในโลกนี้

ไม่ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ

ไม่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก

ส่วนบุตรของมารดาและบิดาเหล่านั้น

เป็นผู้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ

งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา  คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท  

มีศีล มีธรรมอันงาม

อติชาตบุตร เป็นอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อนุชาตบุตรเป็นอย่างไร  

มารดา บิดาของบุตรในโลกนี้  

ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ

งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

มีศีล มีธรรมอันงาม  

ส่วนบุตรของมารดาบิดาเหล่านั้น

ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ

งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

เป็นผู้มีศีล มีธรรมอันงาม  

อนุชาตบุตร เป็นอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อวชาตบุตรเป็นอย่างไร 

มารดา บิดาของบุตรในโลกนี้  

ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ

งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

เป็นผู้มีศีล มีธรรมอันงาม

ส่วนบุตรของมารดาบิดาเหล่านั้น

ไม่ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ

ไม่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

เป็นผู้ทุศีล  มีธรรมอันลามก

อวชาตบุตร เป็นอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย  บุตร ๓ จำพวกนี้แล  มีปรากฏอยู่ในโลก"

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า

บัณฑิตทั้งหลาย
ย่อมปรารถนาอติชาตบุตรและอนุชาตบุตร
ไม่ปรารถนาอวชาตบุตร ซึ่งเป็นผู้ทำลายตระกูล

ส่วนบุตรเหล่าใดเป็นอุบาสก
บุตรเหล่านั้นแล ชื่อว่าเป็นบุตรในโลก 

บุตรเหล่านั้น
มีศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล โอบอ้อมอารี
รู้ความประสงค์ ปราศจากความตระหนี่
...ย่อมรุ่งเรืองในบริษัททั้งหลาย
เปรียบเหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น


 

 

อ้างอิง : ปุตตสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ ข้อที่  ๒๕๒ หน้า ๒๑๔-๒๑๖