พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สัตว์ทั้งหลายมีประมาณเท่าใด
ไม่มีเท้าก็ดี ๒ เท้าก็ดี ๔ เท้าก็ดี มีเท้ามากก็ดี
มีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี
มีสัญญาก็ดี ไม่มีสัญญาก็ดี…
มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ก็ดี
พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของสัตว์เหล่านั้น ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
...ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีความไม่ประมาทเป็นมูล
ประชุมลงในความไม่ประมาท
ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รอยเท้าของสัตว์ทั้งหลาย...
ที่เที่ยวไปบนแผ่นดิน เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
รอยเท้าเหล่านั้นทั้งหมด...
ย่อมถึงความรวมลงในรอยเท้าช้าง
รอยเท้าช้าง โลกกล่าวว่า เป็นยอดของรอยเท้าเหล่านั้น เพราะความเป็นของใหญ่ แม้ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
...ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีความไม่ประมาทเป็นมูล
ประชุมลงในความไม่ประมาท
ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กลอนเหล่าใดเหล่าหนึ่งของเรือนยอด
กลอนเหล่านั้นทั้งหมด…
ไปหายอด น้อมไปสู่ยอด รวมที่ยอด
ยอด โลกกล่าวว่า เป็นยอดของกลอนเหล่านั้น แม้ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
...ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีความไม่ประมาทเป็นมูล
ประชุมลงในความไม่ประมาท
ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กลิ่นหอมที่เกิดแต่รากชนิดใดชนิดหนึ่ง
กฤษณา โลกกล่าวว่า เป็นยอดแห่งกลิ่นหอมที่เกิดแต่รากเหล่านั้น แม้ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
...ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีความไม่ประมาทเป็นมูล
ประชุมลงในความไม่ประมาท
ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กลิ่นหอมที่เกิดแต่แก่นชนิดใดชนิดหนึ่ง
จันทน์แดง โลกกล่าวว่า เป็นยอดของกลิ่นหอมที่เกิดขึ้นแต่แก่นเหล่านั้น แม้ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
...ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีความไม่ประมาทเป็นมูล
ประชุมลงในความไม่ประมาท
ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
กลิ่นหอมที่เกิดแต่ดอกชนิดใดชนิดหนึ่ง
ดอกมะลิ โลกกล่าวว่า เป็นยอดแห่งกลิ่นหอมเกิดแต่ดอกเหล่านั้น แม้ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
...ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีความไม่ประมาทเป็นมูล
ประชุมลงในความไม่ประมาท
ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พระราชาน้อยเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
พระราชาเหล่านั้นทั้งหมด
ย่อมเป็นอนุยนต์ไปตามพระเจ้าจักรพรรดิ์
พระเจ้าจักรพรรดิ์ โลกกล่าวว่า เป็นยอดของพระราชาเหล่านั้น แม้ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
...ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีความไม่ประมาทเป็นมูล
ประชุมลงในความไม่ประมาท
ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แสงสว่างแห่งดวงดาวเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
แสงสว่างเหล่านั้นทั้งหมด...
ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖
อันบัณฑิตแบ่งออกแล้ว ๑๖ ครั้ง
…ของแสงสว่างแห่งดวงจันทร์
แสงสว่างแห่งดวงจันทร์ โลกกล่าวว่า เป็นยอดแห่งแสงสว่างเหล่านั้น แม้ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
...ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีความไม่ประมาทเป็นมูล
ประชุมลงในความไม่ประมาท
ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ในสรทฤดู เมื่อฝนขาดปราศจากเมฆแล้ว
ดวงอาทิตย์ โผล่ขึ้นสู่ท้องฟ้า
กำจัดความมืดที่มีในอากาศทั้งหมดแล้ว
ย่อมส่องแสง แผดแสงและแจ่มกระจ่าง แม้ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
...ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีความไม่ประมาทเป็นมูล
ประชุมลงในความไม่ประมาท
ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม่น้ำใหญ่ ๆ สายใดสายหนึ่ง คือ...
แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ
แม่น้ำเหล่านั้นทั้งหมด...
ย่อมเป็นสายน้ำไหลไปหาสมุทร
โน้มไปสู่สมุทร น้อมไปสู่สมุทร โอนไปสู่สมุทร
มหาสมุทร โลกกล่าวว่า เป็นยอดแห่งแม่น้ำเหล่านั้น แม้ฉันใด
กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีความไม่ประมาทเป็นมูล ประชุมลงในความไม่ประมาท ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของกุศลธรรมเหล่านั้น”
อ้างอิง : อัปปมาทสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ ข้อที่ ๑๕ หน้า ๒๑-๒๓