11-01 มารขัดขวางไม่ให้พระพุทธเจ้าบิณฑบาต



สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ บ้านพราหมณ์ในปัญจสาลคาม แคว้นมคธ

ก็สมัยนั้น ที่บ้านพราหมณ์ในปัญจสาลคาม มีนักขัตฤกษ์แจกของแก่พวกเด็ก ๆ ครั้นรุ่งเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองแล้ว ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปสู่บ้านพราหมณ์ในปัญจสาลคามเพื่อบิณฑบาต

ก็โดยสมัยนั้น พราหมณ์ผู้คฤหบดีชาวปัญจสาลคามถูกมารผู้มีบาปเข้าดลใจ ด้วยประสงค์ว่าพระสมณโคดมอย่าได้บิณฑบาตเลย

พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าสู่บ้านพราหมณ์ในปัญจสาลคามเพื่อบิณฑบาตด้วยบาตรเปล่าอย่างใด ก็เสด็จกลับมาด้วยบาตรเปล่าอย่างนั้น

ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว จึงกล่าวกะพระผู้มีพระภาคว่า

"สมณะ ท่านได้บิณฑบาตบ้างไหม"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

"แน่ะ มารผู้มีบาป ท่านได้กระทำให้เราไม่ได้บิณฑบาตมิใช่หรือ"

มารผู้มีบาปกราบทูลว่า

"ถ้าอย่างนั้น ขอพระผู้มีพระภาคจงเสด็จเข้าไปสู่บ้านพราหมณ์ในปัญจสาลคามเพื่อบิณฑบาตครั้งที่สองอีกเถิด พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จักกระทำให้พระผู้มีพระภาคได้บิณฑบาต"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

"มารมาขัดขวางตถาคต ได้ประสพสิ่งมิใช่บุญแล้ว

ดูกรมารผู้มีบาป ท่านเข้าใจว่า "บาปย่อมไม่ให้ผลแก่เรา" ฉะนั้นหรือ

พวกเราไม่มีความกังวล ย่อมอยู่เป็นสุขสบายหนอ พวกเราจักมีปีติเป็นภักษา ดุจอาภัสสรเทพ ฉะนั้น"

มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเราพระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้หายไปในที่นั้นนั่นเอง

 

ภาพ : Anjali พระอาทิตย์ขึ้นที่จุฬาตรีคูณ

อ้างอิง : ปิณฑิกสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๕ ข้อที่ ๔๖๗-๔๖๙