1-36 พระศาสดาเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์



ภายในโบราณสถานนครกบิลพัสดุ์

เมื่อพระศาสดาเสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์แล้วได้ประทับที่นิโครธาราม แต่เหล่าศากยะวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ยังถือว่าตนสูงวัยกว่าจึงไม่ยอมถวายบังคม พระพุทธองค์ทรงทราบอัธยาศัยของเหล่าพระญาติ จึงทรงทำปาฏิหาริย์ราวกับว่าจะทรงโปรยธุลีพระบาทลงบนเศียรแห่งพระญาติเหล่านั้น พระเจ้าสุทโธทนะเห็นอัศจรรย์ดังนั้นจึงตรัสว่า

“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า หม่อมฉันเคยถวายบังคมพระพุทธองค์มาแล้วถึงสองครั้ง ครั้งแรกหลังจากที่พระองค์ประสูติแล้ว ๗ วัน ด้วยเห็นปาฏิหาริย์ว่า พระบาทของพระองค์ไปประดิษฐานบนชฎาของอสิตฤาษี  ครั้งที่สอง คือ วันวัปปมงคลแรกนาขวัญ ก็ได้เห็นเงาไม้หว้าที่พระองค์ประทับ มิได้คล้อยไปตามแสงตะวัน  และบัดนี้หม่อมฉันก็ได้เห็นปาฏิหาริย์ซึ่งไม่เคยได้เห็นมาก่อน จึงถวายบังคมพระบาทของพระองค์ นี้เป็นการไหว้ครั้งที่สามของหม่อมฉัน”



นิโครธารามวิหาร

ก็เมื่อเหล่าพระญาติเห็นพระเจ้าสุทโธทนมหาราชถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จึงพร้อมใจกันถวายบังคมพระผู้มีพระภาค เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยังพระญาติทั้งหลายให้ถวายบังคมแล้วเสด็จลงจากอากาศ ประทับบนพระอาสน์ที่เขาแต่งตั้งไว้ ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งแล้ว พระญาติทั้งหลายได้เป็นผู้หมดมานะ

ลำดับนั้น ฝนโบกขรพรรษได้ตกลงมา น้ำฝนแม้หยาดหนึ่งก็มิได้ตกลงบนสรีระของผู้ใด ยังความอัศจรรย์ให้แก่เหล่าพระญาติทั้งปวง พระพุทธองค์จึงได้ตรัสว่า

“ฝนโบกขรพรรษนี้ ในอดีตกาลได้เคยตกในญาติสมาคมของพระองค์แล้ว” จึงทรงตรัสเล่าเวสสันดรชาดก

เมื่อพระญาติทั้งปวงสดับธรรมเทศนานั้นแล้ว ถวายบังคม ทำประทักษิณแล้วหลีกไป ไม่มีผู้ใด แม้พระราชาหรือมหาอำมาตย์ที่จะทูลนิมนต์ให้รับบิณฑบาตในวันรุ่งขึ้นเลย

 

 

อ้างอิง : อรรถกถาราหุลวัตถุกถา