14-01 โอวาทที่ทรงให้พระราหุลเนือง ๆ



ภายในวิหารเชตวัน นครสาวัตถี

สมัยครั้งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ ได้เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ พระราหุลได้ทูลขอความเป็นรัชทายาท ณ กรุงกบิลพัสดุ์นั้นว่า

“ข้าแต่พระสมณะ ขอพระองค์ประทานความเป็นรัชทายาทแก่กระหม่อมฉัน” ดังนี้

พระผู้มีพระภาคจึงได้รับสั่งแก่พระสารีบุตรเถระว่า

“เธอจงให้ราหุลกุมารบรรพชา”

ก็พระราหุลได้บรรพชาแล้วอย่างนี้

เมื่อกาลล่วงมา จนสามเณรราหุล มีอายุครบ ๒๐ ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นภิกษุ โดยมีพระสารีบุตรเถระเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระโมคคัลลานเถระเป็นกรรมวาจาจารย์

พระราหุลเถระยังไม่ได้บรรลุอริยภูมิตราบใด พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงโอวาทพระเถระนั้นตราบนั้น ตั้งแต่กาลที่ท่านยังเป็นหนุ่ม ด้วยทรงพระดำริว่า

“กุมารนี้สมบูรณ์ด้วยชาติ เป็นต้น กุมารนั้นอย่าได้ทำการถือตัวหรือการหยิ่งเพราะอาศัย ชาติ โคตร ตระกูล และผิวพรรณ”

ดังนี้แล้ว จึงได้ตรัสถามพระราหุลว่า

ทรงประทานโอวาทแก่พระราหุล

“เธอย่อมไม่ดูหมิ่นบัณฑิตเพราะการอยู่ร่วมกันเนือง ๆ แลหรือ

การทรงคบเพลิงเพื่อมนุษย์ทั้งหลาย เธอนอบน้อมแล้วแลหรือ”

พระราหุลกราบทูลว่า

“ข้าพระองค์ย่อมไม่ดูหมิ่นบัณฑิตเพราะการอยู่ร่วมกันเนือง ๆ

การทรงคบเพลิงเพื่อมนุษย์ทั้งหลาย ข้าพระองค์นอบน้อมแล้วเป็นนิตย์”

“เธอละกามคุณห้ามีรูปเป็นที่รัก เป็นที่รื่นรมย์ใจ ออกบวชด้วยศรัทธาแล้ว จงกระทำที่สุดทุกข์เถิด

เธอจงคบกัลยาณมิตร จงเสพที่นอนที่นั่งอันสงัดเงียบ ปราศจากเสียงกึกก้อง

จงรู้จักประมาณในโภชนะ

เธออย่าได้กระทำความอยากในวัตถุเป็นที่เกิดตัณหาเหล่านี้ คือ จีวร บิณฑบาต ที่นอน ที่นั่ง และปัจจัย

เธออย่ากลับมาสู่โลกนี้อีก

จงเป็นผู้สำรวมในปาติโมกข์และในอินทรีย์ ๕
จงมีสติไปแล้วในกาย

จงเป็นผู้มากไปด้วยความเบื่อหน่าย
จงเว้นศุภนิมิตอันก่อให้เกิดความกำหนัด

จงอบรมจิตให้มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ให้ตั้งมั่นดีแล้วในอสุภภาวนา

จงอบรมวิปัสสนา จงละมานานุสัย

แต่นั้น เธอจักเป็นผู้สงบ เพราะการละมานะเที่ยวไป”

ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนท่านพระราหุล ด้วยพระคาถาเหล่านี้เนือง ๆ ด้วยประการฉะนี้

 

 

อ้างอิง : ราหุลสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่ม ๒๕ ข้อที่ ๓๒๘ หน้า ๒๙๘-๒๙๙ และอรรถกถา