1-26 ท้าวสักกะกล่าวคาถาสดุดีพระผู้มีพระภาค



เส้นทางเดินจากสวนตาลหนุ่มสู่พระนครราชคฤห์

หลังจากนั้น พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชรับสั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของฉันอันประณีตโดยผ่านราตรีนั้น แล้วให้เจ้าพนักงานไปกราบทูลภัตตกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า

“ถึงเวลาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ภัตตาหารเสร็จแล้ว”

ขณะนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงอันตรวาสกแล้ว ทรงถือบาตรจีวร เสด็จพระพุทธดำเนินสู่พระนครราชคฤห์ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ จำนวน ๑,๐๐๐ รูป ล้วนปุราณชฎิล

ก็โดยสมัยนั้นแล ท้าวสักกะจอมทวยเทพทรงนิรมิตเพศเป็นมาณพ เสด็จพระดำเนินนำหน้าภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข พลางขับคาถาเหล่านี้ ว่าดังนี้

“พระผู้มีพระภาคมีพระฉวีเสมอด้วยลิ่มทองสิงคี
ทรงฝึกอินทรีย์แล้ว ทรงพ้นวิเศษแล้ว
เสด็จประเวศสู่พระนครราชคฤห์พร้อมด้วย
พระปุราณชฎิลทั้งหลาย ผู้ฝึกอินทรีย์แล้ว ผู้พ้นวิเศษแล้ว

พระผู้มีพระภาคมีพระฉวีเสมอด้วยลิ่มทองสิงคี
ทรงพ้นแล้ว ทรงพ้นวิเศษแล้ว
เสด็จประเวศสู่พระนครราชคฤห์พร้อมด้วย
พระปุราณชฎิลทั้งหลาย ผู้พ้นแล้ว ผู้พ้นวิเศษแล้ว

พระผู้มีพระภาคมีพระฉวีเสมอด้วยลิ่มทองสิงคี 
ทรงข้ามแล้ว ทรงพ้นวิเศษแล้ว
เสด็จประเวศสู่พระนครราชคฤห์พร้อมด้วย
พระปุราณชฎิลทั้งหลาย ผู้ข้ามแล้ว ผู้พ้นวิเศษแล้ว       

พระผู้มีพระภาคมีพระฉวีเสมอด้วยลิ่มทองสิงคี
ทรงสงบแล้ว ทรงพ้นวิเศษแล้ว
เสด็จประเวศสู่พระนครราชคฤห์พร้อมด้วย
พระปุราณชฎิลทั้งหลาย ผู้สงบแล้ว ผู้พ้นวิเศษแล้ว  

พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ทรงมีอริยวาสธรรม ๑๐ ประการ เป็นเครื่องอยู่
ทรงประกอบด้วยพระกำลัง ๑๐
ทรงทราบธรรม คือ กรรมบถ ๑๐
และทรงประกอบด้วยธรรมอันเป็นองค์ของพระอเสขะ ๑๐

มีภิกษุบริวารพันหนึ่งเสด็จประเวศสู่พระนครราชคฤห์”

ประชาชนได้เห็นท้าวสักกะจอมทวยเทพแล้วพากันกล่าวอย่างนี้ว่า

“พ่อหนุ่มนี้มีรูปงามยิ่งนัก น่าดูนัก น่าชมนัก พ่อหนุ่มนี้ของใครหนอ”

เมื่อประชาชนกล่าวอย่างนี้แล้ว ท้าวสักกะจอมทวยเทพได้กล่าวตอบประชาชนพวกนั้นด้วยคาถา ว่าดังนี้

“พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดเป็นนักปราชญ์ ทรงฝึกอินทรีย์ทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ผ่องแผ้วหาบุคคลเปรียบมิได้ ไกลจากกิเลส เสด็จไปดีแล้วในโลก ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น”

 

 

อ้างอิง : คาถาสดุดีพระผู้มีพระภาค พระไตรปิฎก ฉบับหลวง ๔/๖๑-๖๒/๕๔-๕๕