1-44 อนุรุทธศากยะสนทนาเรื่องการงาน



แผนที่แสดงที่ตั้งกรุงกบิลพัสดุ์

โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ที่อนุปิยนิคมของพวกเจ้ามัลละ ครั้งนั้น พวกศากยกุมารที่มีชื่อเสียงออกผนวชตามพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงผนวชแล้ว สมัยนั้น มหานามศากยะและอนุรุทธศากยะ ทั้ง ๒ เป็นพี่น้องกัน

อนุรุทธศากยะเป็นสุขุมาลชาติ เธอมีประสาท ๓ หลัง คือ สำหรับอยู่ในฤดูหนาวหลัง ๑ สำหรับอยู่ในฤดูร้อนหลัง ๑ สำหรับอยู่ในฤดูฝนหลัง ๑ เธออันเหล่าสตรีไม่มีบุรุษเจือปนบำเรออยู่ด้วยดนตรีตลอด ๔ เดือน ในปราสาทสำหรับฤดูฝน ไม่ลงมาภายใต้ปราสาทเลย ครั้งนั้น มหานามศากยะคิดว่า

“บัดนี้ พวกศากยกุมารที่มีชื่อเสียงต่างออกผนวชตามพระผู้มีพระภาคผู้ทรงผนวชแล้ว แต่สกุลของเราไม่มีใครออกบวชเลย ถ้ากระไร เราหรืออนุรุทธะพึงบวช”

จึงเข้าไปหาอนุรุทธศากยะกล่าวว่า

“พ่ออนุรุทธะ บัดนี้ พวกศากยะกุมารที่มีชื่อเสียงต่างออกผนวชตามพระผู้มีพระภาคผู้ทรงผนวชแล้ว แต่สกุลของเราไม่มีใครออกบวชเลย ถ้าเช่นนั้น น้องจงบวชหรือพี่จักบวช”

เจ้าทั้งสองสนทนากันถึงเรื่องบวชและการงาน

ก็เจ้าอนุรุทธกุมารนั้น เป็นกษัตริย์ผู้สุขุมาล มีโภคะสมบูรณ์ แม้คำว่า "ไม่มี" พระองค์ก็ไม่เคยทรงสดับ แล้วจักทรงทราบถึงเรื่องการบวชได้อย่างไร เพราะฉะนั้น หลังจากที่พระภาดาตรัสถึงเรื่องการออกผนวชแล้ว พระกุมารจึงทูลถามพระภาดาว่า

“การบวชนี้เป็นอย่างไร”

พระภาดาตรัสตอบว่า

“ผู้บวชต้องโกนผมและหนวด ต้องนุ่งห่มผ้ากาสายะ ต้องนอนบนเครื่องลาดด้วยไม้ หรือบนเตียงที่ถักด้วยหวาย เที่ยวบิณฑบาตอยู่ นี้ชื่อว่าการบวช”

“เจ้าพี่ หม่อมฉันเป็นสุขุมาลชาติ หม่อมฉันจักไม่สามารถบวชได้ พี่จงบวชเถิด”

“พ่อ ถ้าอย่างนั้น พ่อจงเรียนการงานอยู่เป็นฆราวาสเถิด ก็ในเราทั้งสอง จะไม่บวชเลยสักคน ไม่ควร”

ก็กุลบุตรผู้ไม่รู้แม้สถานที่เกิดแห่งภัตตาหาร จักรู้จักการงานได้อย่างไรเล่า

พระองค์จึงทูลถามพระภาดาว่า “ขึ้นชื่อว่าการงานนี้เป็นอย่างไร”

พระภาดาตรัสตอบว่า

พ่ออนุรุทธะ น้องจงมา พี่จะพร่ำสอนเรื่องการครองเรือนแก่น้อง ผู้อยู่ครองเรือน ชั้นต้น ต้องให้ไถนา ครั้นแล้วให้หว่าน ให้ไขน้ำเข้า ครั้นไขน้ำเข้ามากเกินไป ต้องให้ระบายน้ำออก ครั้นให้ระบายน้ำออกแล้ว ต้องให้ถอนหญ้า ครั้นแล้วต้องให้เกี่ยว ให้ขน ให้ตั้งลอม ให้นวด ให้สงฟางออก ให้ฝัดข้าวลีบออก ให้โปรยละออง ให้ขนขึ้นฉาง ครั้นถึงฤดูฝนต้องทำอย่างนี้ ๆ แหละต่อไปอีก”

“การงานไม่หมดสิ้น ที่สุดของการงานไม่ปรากฏ เมื่อไรการงานจักหมดสิ้น เมื่อไรที่สุดของการงานจักปรากฏ เมื่อไรเราจักขวนขวายน้อย เพียบพร้อมบำเรอด้วยเบญจกามคุณ”

“พ่ออนุรุทธะ การงานไม่หมดสิ้นแน่ ที่สุดของการงานก็ไม่ปรากฏ เมื่อการงานยังไม่สิ้น มารดา บิดา ปู่ ย่า ตา ยาย ก็ได้ตายไปแล้ว”

“ถ้าเช่นนั้น พี่จงเข้าใจเรื่องการอยู่ครองเรือนเองเถิด ฉันจักออกบวชละ”

 

 

อ้างอิง : มหานามศากยะและอนุรุทธศากยะ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ ข้อที่ ๓๓๗-๓๓๘ หน้า ๑๐๔