4-02 พระเทวทัตปรารถนาลาภสักการะ



ป้ายแสดงสถานที่สำคัญบนเขาคิชฌกูฏ

ครั้งนั้น พระเทวทัตหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด เกิดความปริวิตกแห่งจิตอย่างนี้ว่า

“เราจะพึงยังใครหนอให้เลื่อมใส เมื่อผู้ใดเลื่อมใสต่อเราแล้ว ลาภสักการะเป็นอันมากจะพึงเกิดขึ้น

อชาตศัตรูกุมารนี้แล ยังหนุ่ม ยังเจริญต่อไป ไฉน เราพึงยังอชาตศัตรูกุมารให้เลื่อมใส เมื่ออชาตศัตรูกุมารนั้นเลื่อมใสต่อเราแล้ว ลาภสักการะเป็นอันมากจักเกิดขึ้น”

ลำดับนั้น พระเทวทัตเก็บเสนาสนะแล้ว ถือบาตร จีวร เดินทางไปยังกรุงราชคฤห์ ถึงกรุงราชคฤห์โดยลำดับ แล้วนิรมิตเพศเป็นกุมารน้อยเอางูพันสะเอว ปรากฏบนพระเพลาของอชาตศัตรูกุมาร

ทีนั้น อชาตศัตรูกุมารกลัว หวั่นหวาด สะดุ้ง ตกพระทัย พระเทวทัตจึงได้กล่าวกะอชาตศัตรูกุมารว่า

“พระกุมาร ท่านกลัวฉันหรือ”

“จ้ะ ฉันกลัว ท่านเป็นใคร”

“ฉันคือ พระเทวทัต”

“ท่านเจ้าข้า ถ้าท่านเป็นพระผู้เป็นเจ้าเทวทัต ขอจงปรากฏด้วยเพศของตนทีเดียวเถิด”

ทันใดนั้น พระเทวทัตกลับคืนร่างจากกุมารน้อยแล้ว ทรงสังฆาฏิ บาตร และจีวร ได้ยืนอยู่ข้างหน้าอชาตศัตรูกุมาร

ครั้งนั้น อชาตศัตรูกุมารเลื่อมใสอิทธิปาฏิหาริย์นี้ของพระเทวทัตยิ่งนัก ได้ไปสู่ที่บำรุงทั้งเวลาเย็น ทั้งเวลาเช้า ด้วยรถ ๕๐๐ คัน และนำภัตตาหาร ๕๐๐ สำรับ ไปด้วย

ครั้งนั้น พระเทวทัตถูกลาภสักการะและความสรรเสริญครอบงำ รึงรัดจิต และเกิดความปราถนา เห็นปานนี้ว่า

“เราจักปกครองภิกษุสงฆ์”

พระเทวทัตได้เสื่อมจากฤทธิ์นั้น พร้อมกับจิตตุปบาท (การเกิดขึ้นของความคิด) ทีเดียว

 

 

อ้างอิง : สังฆเภทขันธกะ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ ข้อที่ ๓๔๙ หน้า ๑๐๙