46-19 พระฉันนะขอให้พระเถระแสดงธรรมให้



เสาอโศกในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน สารนาถ

สมัยหนึ่ง ภิกษุผู้เถระหลายรูปอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้พระนครพาราณสี ครั้งนั้น ท่านพระฉันนะออกจากที่เร้นในเวลาเย็น ถือลูกดาลเข้าไปสู่วิหาร ได้กล่าวกะภิกษุผู้เถระทั้งหลายว่า

"ขอท่านพระเถระทั้งหลายจงกล่าวสอนผมด้วย ขอท่านพระเถระทั้งหลาย จงพร่ำสอนผมด้วย ขอท่านพระเถระทั้งหลายจงแสดงธรรมีกถาแก่ผมด้วย ตามที่ผมจะพึงเห็นธรรมได้"

เมื่อพระฉันนะกล่าวอย่างนี้แล้ว ภิกษุผู้เถระทั้งหลายได้กล่าวกะท่านพระฉันนะว่า

"ดูกรท่านฉันนะ
รูปไม่เที่ยง
เวทนาไม่เที่ยง
สัญญาไม่เที่ยง
สังขารไม่เที่ยง
วิญญาณไม่เที่ยง

รูปเป็นอนัตตา
เวทนาเป็นอนัตตา
สัญญาเป็นอนัตตา
สังขารเป็นอนัตตา
วิญญาณเป็นอนัตตา

สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง
ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา"

ลำดับนั้น ท่านพระฉันนะเกิดความคิดนี้ว่า

"แม้เราก็มีความคิดเห็นอย่างนี้ว่ารูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง

รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณเป็นอนัตตา

สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

เมื่อเป็นเช่นนี้ จิตของเราไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่หลุดพ้น ในธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ในการสละคืนอุปธิทั้งปวง ในความสิ้นตัณหา ในวิราคะ ในนิโรธ ในนิพพาน

ความสะดุ้งกลัวและอุปาทานย่อมเกิดขึ้น ใจก็ถอยกลับอย่างนี้ว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ อะไรเล่าเป็นตนของเรา แต่ความคิดเห็นอย่างนี้ไม่มีแก่ผู้เห็นธรรม ใครหนอจะแสดงธรรมแก่เราโดยที่เราจะพึงเห็นธรรมได้"

ลำดับนั้นเอง ท่านพระฉันนะได้มีความคิดว่า

"ท่านพระอานนท์นี้อยู่ ณ โฆสิตาราม ใกล้เมืองโกสัมพี ท่านพระอานนท์ผู้ซึ่งพระศาสดาทรงสรรเสริญและทรงยกย่องแล้ว ย่อมสามารถแสดงธรรมแก่เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายผู้เป็นวิญญู และสามารถจะแสดงธรรมแก่เราโดยที่เราจะพึงเห็นธรรมได้

อนึ่ง เราก็มีความคุ้นเคยในท่านพระอานนท์อยู่มาก อย่ากระนั้นเลย เราควรเข้าไปหาท่านพระอานนท์เถิด"

 

 

อ้างอิง : ฉันนสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ ข้อที่ ๒๓๑-๒๓๓ หน้า ๑๒๗-๑๒๘