46-01 พระมหากัสสปะสังคายนาพระธรรมวินัยเหตุเพราะพระสุภัททวุฑฒบรรพชิต



 ถ้ำสัตบรรณคูหา สถานที่ทำสังคายนาครั้งแรก นครราชคฤห์

ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปชี้แจงแก่ภิกษุทั้งหลายว่า

"ท่านทั้งหลาย ครั้งหนึ่ง เราออกจากเมืองปาวาเดินทางไกล ไปเมืองกุสินารากับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประมาณ ๕๐๐ รูป

ครั้งนั้น เราแวะจากทาง นั่งพักอยู่ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง อาชีวกผู้หนึ่งถือดอกมณฑารพในเมืองกุสินาราเดินทางไกลมาสู่เมืองปาวา เราได้เห็นอาชีวกนั้นเดินมาแต่ไกลเทียว ครั้นแล้วได้ถามอาชีวกนั้นว่า

"ท่านทราบข่าวพระศาสดาของเราบ้างหรือ"

อาชีวกตอบว่า

"ท่านขอรับ ผมทราบ พระสมณโคดมปรินิพพานได้ ๗ วัน ทั้งวันนี้แล้ว ดอกมณฑารพนี้ผมถือมาจากที่ปรินิพพานนั้น

บรรดาภิกษุเหล่านั้น ท่านที่ยังไม่ปราศจากราคะ บางพวกประคองแขนคร่ำครวญ ดุจมีเท้าขาดล้มลงกลิ้งเกลือกไปมารำพันว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานเร็วนัก พระสุคตเสด็จปรินิพพานเร็วนัก ดวงตาหายไปจากโลกเร็วนัก

ส่วนพวกที่ ปราศจากราคะแล้ว มีสติสัมปชัญญะ ย่อมอดกลั้นได้ด้วยคิดว่า

สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง สิ่งที่เที่ยงนั้น จะได้ในสังขารนี้แต่ไหนเล่า

ท่านทั้งหลาย ครั้งนั้น เราได้กล่าวกะภิกษุทั้งหลายว่า

"อย่าเลยท่านทั้งหลาย อย่าโศกเศร้าร่ำไรเลย ข้อนั้นพระผู้มีพระภาคได้ตรัสบอกไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือว่า ความเป็นต่าง ความเว้น ความเป็นอย่างอื่นจากสัตว์และสังขารที่รักที่ชอบใจทั้งปวงทีเดียวย่อมมี

สิ่งที่เที่ยงนั้นจะได้ในสังขารนั้นแต่ไหน สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้ว อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว ต้องมีความแตกสลายเป็นธรรมดา ข้อที่จะปรารถนาว่า สิ่งนั้นอย่าได้สลายเลย นี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้"

ครั้งนั้น พระสุภัททวุฑฒบรรพชิตนั่งอยู่ในบริษัทนั้น เธอได้กล่าวกะภิกษุทั้งหลายว่า

"พอเถิด ท่านทั้งหลาย อย่าโศกเศร้าร่ำไรไปเลย พวกเราพ้นไปดีแล้วจากพระมหาสมณะนั้น ด้วยว่าพวกเราถูกเบียดเบียนว่า สิ่งนี้ควรแก่พวก เธอ สิ่งนี้ไม่ควรแก่พวกเธอ

ก็บัดนี้ พวกเราปรารถนาจะทำสิ่งใด ก็ทำสิ่งนั้นได้ ไม่ปรารถนาจักทำสิ่งใด ก็ไม่ทำสิ่งนั้น"

พระมหากัสสปะกล่าวต่อไปว่า

"เอาเถิด ท่านทั้งหลาย พวกเราจงสังคายนาพระธรรมและพระวินัยเถิด

ในภายหน้า สภาวะมิใช่ธรรมจักรุ่งเรือง
ธรรมจักเสื่อมถอย

สภาวะมิใช่วินัยจักรุ่งเรือง
วินัยจักเสื่อมถอย

ภายหน้าอธรรมวาทีบุคคลจะมีกำลัง
ธรรมวาทีบุคคลจักเสื่อมกำลัง

อวินยวาทีบุคคลจักมีกำลัง
วินยวาทีบุคคลจักเสื่อมกำลัง"

พระมหากัสสปะคัดเลือกพระอรหันต์ ๕๐๐​ รูป

ภิกษุทั้งหลายกล่าวว่า

"ถ้ากระนั้น ขอพระเถระจงคัดเลือกภิกษุทั้งหลายเถิดขอรับ"

ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสป จึงคัดเลือกพระอรหันต์ได้ ๕๐๐ รูป หย่อนอยู่องค์หนึ่ง ภิกษุทั้งหลายได้กล่าวกะท่านพระมหากัสสปว่า

"ท่านเจ้าข้า ท่านพระอานนท์นี้ยังเป็นเสขบุคคลอยู่ก็จริง แต่ไม่ลุอำนาจฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ ภยาคติ และท่านได้เรียนพระธรรมและพระวินัยเป็นอันมากในสำนักพระผู้มีพระภาค เพราะเหตุนั้น ขอพระเถระจงคัดเลือกท่านพระอานนท์เข้าด้วยเถิด"

ลำดับนั้น พระมหากัสสปจึงคัดเลือกท่านพระอานนท์เข้าด้วย

พระเถระทั้งหลายจึงปรึกษากันว่า

"พวกเราจักสังคายนาพระธรรมและพระวินัยที่ไหนดีหนอ"

ครั้นแล้วเห็นพร้อมกันว่า

"พระนครราชคฤห์มีโคจรคามมาก มีเสนาสนะเพียงพอ สมควรแท้ที่พวกเราจะอยู่จำพรรษาในพระนครราชคฤห์ สังคายนาพระธรรมและพระวินัย

ภิกษุพวกอื่นไม่ควร เข้าจำพรรษาในพระนครราชคฤห์"

ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา ว่าดังนี้

"ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงสมมติภิกษุ ๕๐๐ รูปนี้ ให้จำพรรษาในพระนครราชคฤห์เพื่อสังคายนาพระธรรมและพระวินัย ภิกษุพวกอื่นไม่พึงจำพรรษาในพระนครราชคฤห์ นี้เป็นญัตติ"

"การสมมติภิกษุ ๕๐๐ รูปนี้ ให้จำพรรษาในพระนครราชคฤห์เพื่อสังคายนาพระธรรมและพระวินัย ภิกษุพวกอื่นไม่พึงจำพรรษาในพระนครราชคฤห์ ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด"

"สงฆ์สมมติภิกษุ ๕๐๐ รูปนี้ ให้จำพรรษาในพระนครราชคฤห์เพื่อสังคายนาพระธรรมและพระวินัย ภิกษุพวกอื่นไม่พึงจำพรรษาในพระนครราชคฤห์ ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ ด้วยอย่างนี้"

ครั้งนั้น พระเถระทั้งหลายได้ไปพระนครราชคฤห์ เพื่อสังคายนาพระธรรมและพระวินัย แล้วปรึกษากันว่า

"ท่านทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญการปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมไว้ ถ้ากระไรพวกเราจักปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมในเดือนต้น แล้วจักประชุมสังคายนาพระธรรมและพระวินัยในเดือนท่ามกลาง"

ครั้งนั้น พระเถระได้ปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมในเดือนต้น

 

 

อ้างอิง : พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ ข้อที่ ๖๑๔-๖๑๖ หน้า ๒๔๖-๒๔๘

ภาพถ่าย : https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=1889407