ความเป็นอยู่ในอินเดียชนบท
ครั้งนั้น สงฆ์ปรารถนาจะวินิจฉัยอธิกรณ์นั้น ได้ประชุมกันแล้ว ท่านพระเรวตะจึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจาว่าดังนี้
"ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าพวกเราจักระงับอธิกรณ์นี้ในที่นี้ บางทีจะมีพวกภิกษุผู้ถือมูลอธิกรณ์รื้อฟื้นขึ้นทำใหม่ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว อธิกรณ์นี้เกิดขึ้น ณ ที่ใด สงฆ์พึงระงับอธิกรณ์นี้ในที่นั้น"
พระเถระทั้งหลายได้พากันไปเมืองเวสาลี มุ่งวินิจฉัยอธิกรณ์นั้น
ครั้งนั้น พระสัพพกามีเป็นพระสงฆ์เถระทั่วแผ่นดิน มีพรรษา ๑๒๐ แต่อุปสมบทเป็นสัทธิวิหาริกของท่านพระอานนท์อาศัยอยู่ในเมืองเวสาลี ท่านพระเรวตะได้กล่าวกะท่านพระสัมภูตสาณวาสีว่า
"ท่าน ผมจะเข้าไปสู่วิหารที่พระสัพพกามีเถระอยู่ ท่านพึงเข้าไปหาท่านพระสัพพกามีแต่เช้า แล้วเรียนถามวัตถุ ๑๐ ประการนี้"
ท่านพระสัมภูตสาณวาสีรับเถระบัญชาแล้ว
ครั้งนั้น ท่านพระเรวตะเข้าไปสู่วิหารที่พระสัพพกามีเถระอยู่ เขาจัดแจงเสนาสนะของท่านพระสัพพกามีไว้ในห้อง เขาจัดแจงเสนาสนะของท่านพระเรวตะไว้ที่หน้ามุขของห้อง
ท่านพระเรวตะคิดว่า
"พระผู้เฒ่านี้ยังไม่นอน จึงไม่สำเร็จการนอน" ท่านพระสัพพกามีคิดว่า "พระอาคันตุกะรูปนี้เหนื่อยมา ยังไม่นอน จึงไม่สำเร็จการนอน"
อ้างอิง : พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ ข้อที่ ๖๔๖ หน้า ๒๗๐-๒๗๑