46-23 ท่านพระสัมภูตสาณวาสีถามท่านพระสัพพกามีว่าใครเป็นธรรมวาที



 ต้นสาละ

พระเถระทั้งสองสนทนากันค้างอยู่เพียงเท่านี้ ครั้งนั้น ท่านพระสัมภูตสาณวาสีมาถึงโดยลำดับ จึงเข้าไปหาท่านพระสัพพกามี อภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้เรียนถามว่า

"ท่านเจ้าข้า พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีแสดงวัตถุ ๑๐ ประการ ในเมืองเวสาลี ว่าดังนี้

๑. สิงคิโลณกัปปะ ควร
๒. ทวังคุลกัปปะ ควร
๓. คามันตรกัปปะ ควร
๔. อาวาสกัปปะ ควร
๕. อนุมติกัปปะ ควร
๖. อาจิณณกัปปะ ควร
๗. อมถิตกัปปะ ควร
๘. ดื่มชโลคิ ควร
๙. ผ้าปูนั่งไม่มีชาย ควร
๑๐. ทองและเงิน ควร

ท่านเจ้าข้า พระเถระได้ศึกษาพระธรรมและพระวินัยเป็นอันมากในสำนักพระอุปัชฌายะ เมื่อพระเถระพิจารณาพระธรรมและพระวินัยอยู่ เป็นอย่างไรขอรับ

ภิกษุพวกไหนเป็นธรรมวาที คือ พวกปราจีนหรือพวกเมืองปาฐา"

พระสัพพกามีย้อนถามว่า

"ท่านได้ศึกษาพระธรรมและพระวินัยเป็นอันมากในสำนักอุปัชฌายะ ก็เมื่อท่านพิจารณาพระธรรมและพระวินัยอยู่ เป็นอย่างไรขอรับ

ภิกษุพวกไหนเป็นธรรมวาที คือ พวกปราจีนหรือพวกเมืองปาฐา"

พระสัมภูตะตอบว่า

"ท่านเจ้าข้า เมื่อผมพิจารณาพระธรรมและพระวินัยอยู่ เป็นอย่างนี้ขอรับ ภิกษุพวกปราจีนเป็นอธรรมวาที ภิกษุพวกเมืองปาฐาเป็นธรรมวาที

แต่ว่าผมยังทำความเห็นให้แจ่มแจ้งไม่ได้ว่า แม้ไฉน สงฆ์พึงสมมติผมเข้าในอธิกรณ์นี้"

พระสัพพกามีกล่าวว่า

"แม้เมื่อผมพิจารณาพระธรรมและพระวินัยอยู่ก็เป็นอย่างนี้ขอรับ ภิกษุพวกปราจีนเป็นอธรรมวาที ภิกษุพวกเมืองปาฐาเป็นธรรมวาที

แต่ว่าผมยังทำความเห็นให้แจ่มแจ้งไม่ได้ว่า แม้ไฉน สงฆ์พึงสมมติผมเข้าในอธิกรณ์นี้"

 

 

อ้างอิง : พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ ข้อที่ ๖๔๘ หน้า ๒๗๑-๒๗๒