20-2 ทรงอนุญาตคหบดีจีวร



สมัยหนึ่ง พระเจ้าปัชโชตทรงส่งผ้าสิไวยกะมาพระราชทานแก่ชีวกโกมารภัจจ์ ผ้านั้นเป็นผ้าเนื้อดีเลิศ ประเสริฐ มีชื่อเสียงเด่นอุดม และเป็นเยี่ยมกว่าผ้าทั้งหลายเป็นอันมาก

ครั้งนั้น ชีวกโกมารภัจจ์ ถือผ้าสิไวยกะคู่นั้นไปในพุทธสำนัก ครั้นถึงแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้ทูลขอให้พระผู้มีพระภาคทรงพระกรุณาโปรดรับผ้าคู่สิไวยกะนั้น และขอให้ทรงพระพุทธานุญาตคหบดีจีวรแก่พระสงฆ์ด้วย

พระผู้มีพระภาคทรงรับผ้าคู่สิไวยกะแล้ว 

ครั้นแล้ว ทรงชี้แจงให้ชีวกโกมารภัจจ์ เห็นแจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา ครั้นชีวกโกมารภัจจ์ อันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา แล้วลุกจากที่นั่งถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณกลับไป

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า 

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตคหบดีจีวร รูปใดปรารถนา จงถือผ้าบังสุกุล รูปใดปรารถนา จงยินดีคหบดีจีวร แต่เราสรรเสริญการยินดี ด้วยปัจจัยตามมีตามได้”

ประชาชนในพระนครราชคฤห์ได้ทราบข่าวว่า พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตคหบดีจีวรแก่ภิกษุทั้งหลาย ต่างพากันยินดีร่าเริงว่า

“บัดนี้ พวกเราจักถวายทาน จักบำเพ็ญบุญเพราะพระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตคหบดีจีวรแก่ภิกษุทั้งหลาย”

เพียงวันเดียวเท่านั้น จีวรหลายพันผืนได้เกิดขึ้นในพระนครราชคฤห์

ประชาชนชาวชนบทได้ทราบข่าวว่า พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตคหบดีจีวรแก่ภิกษุทั้งหลาย ต่างพากันยินดีร่าเริงว่า

“บัดนี้แล พวกเราจักถวายทาน จักบำเพ็ญบุญ เพราะพระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตคหบดีจีวรแก่ภิกษุทั้งหลาย”

เพียงวันเดียวเท่านั้น จีวรหลายพันผืน ได้เกิดขึ้นแม้ในชนบท.

พระพุทธานุญาตผ้าปาวารและผ้าโกเชาว์

ก็โดยสมัยนั้นแล ผ้าปาวารเกิดขึ้นแก่สงฆ์ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสอนุญาตว่า 

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าปาวาร”

ผ้าปาวารแกมไหม เกิดขึ้นแก่พระสงฆ์ ภิกษุทั้งหลายได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคตรัสอนุญาตว่า 

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าปาวารแกมไหม”

ผ้าโกเชาว์เกิดขึ้นแก่พระสงฆ์ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.พระผู้มีพระภาคตรัสอนุญาตว่า

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าโกเชาว์”

พระพุทธานุญาตผ้ากัมพล

ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้ากาสีทรงพระกรุณาส่งผ้ากัมพลมีราคาครึ่งกาสีมาพระราชทานแก่ชีวกโกมารภัจจ์ 

ครั้งนั้น ชีวกโกมารภัจจ์รับพระราชทานผ้ากัมพลราคากึ่งกาสีนั้นแล้ว เข้าไปในพุทธสำนัก 

ครั้นถึงแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ชีวกโกมารภัจจ์นั่งเฝ้าเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า

“พระพุทธเจ้าข้า ผ้ากัมพลของข้าพระพุทธเจ้าผืนนี้ราคาครึ่งกาสี คือ ควรราคากึ่งกาสี พระเจ้ากาสีทรงพระกรุณาส่งมาพระราชทาน ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงพระกรุณาโปรดรับผ้ากัมพลของข้าพระพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพระพุทธเจ้า ตลอดกาลนานด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคทรงรับผ้ากัมพล 

ครั้นแล้ว ทรงชี้แจงให้ชีวกโกมารภัจจ์ เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา 

ครั้นชีวกโกมารภัจจ์ อันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจง ให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว ลุกจากที่นั่งถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณ กลับไป

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า 

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้ากัมพล”
 
พระพุทธานุญาตคหบดีจีวร ๖ ชนิด

ก็โดยสมัยนั้นแล จีวรทั้งเนื้อดีและเลวเกิดขึ้นแก่สงฆ์ 

ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า

“จีวรชนิดไรหนอ พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาต ชนิดไรไม่ทรงอนุญาต”

แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

พระผู้มีพระภาคตรัสอนุญาตว่า 

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวร ๖ ชนิด คือ

จีวรทำด้วยเปลือกไม้ ๑  
ทำด้วยฝ้าย ๑  
ทำด้วยไหม ๑  
ทำด้วยขนสัตว์ ๑  
ทำด้วยป่าน ๑  
ทำด้วยของเจือกัน ๑

สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายที่ยินดีคหบดีจีวรนั้นพากันรังเกียจ ไม่ยินดีผ้าบังสุกุลด้วยคิดว่า พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตจีวรอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ ๒ อย่าง จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

พระผู้มีพระภาคตรัสอนุญาตว่า

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุผู้ยินดีคหบดีจีวร ยินดีผ้าบังสุกุลได้ แต่เราสรรเสริญความสันโดษด้วยจีวรทั้งสองนั้น”

 

 

อ้างอิง : พระพุทธานุญาตคหบดีจีวร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕  ข้อที่ ๑๓๕-๑๓๙

ภาพ : เทือกเขาใกล้นครราชคฤห์