หลังจากพระผู้มีพระภาคเสด็จกลับจากโกกนุทปราสาทของโพธิราชกุมารแล้ว ทรงทำธรรมีกถาเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น เพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเหยียบผืนผ้าที่ปูไว้ รูปใดเหยียบ ต้องอาบัติทุกกฎ”
สมัยต่อมา สตรีผู้หนึ่งปราศจากครรภ์ นิมนต์ภิกษุทั้งหลายยังเรือน ปูผ้า แล้วได้กล่าวว่า
“ท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าจงเหยียบผ้า”
ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ ไม่เหยียบ นางได้กล่าวอีกว่า
“ท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้าจงเหยียบผ้าเพื่อให้เป็นมงคลแก่ข้าพเจ้าเถิด”
ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ ไม่เหยียบ สตรีผู้นั้นจึงเพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาว่า
“เมื่อเขาขอเพื่อให้เป็นมงคล ไฉนพระคุณเจ้าทั้งหลายจึงไม่เหยียบผืนผ้าที่ปูให้”
ภิกษุทั้งหลายได้ยินสตรีผู้นั้น เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์ต้องการมงคล เราอนุญาตให้ผู้ที่ถูกคฤหัสถ์ขอร้องให้เหยียบเพื่อความเป็นมงคล เหยียบผืนผ้าได้”
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายรังเกียจที่จะเหยียบผ้าสำหรับเช็ดเท้าที่ล้างแล้ว จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เหยียบผ้าสำหรับเช็ดเท้าที่ล้างแล้ว”
อ้างอิง : โพธิราชกุมาร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ ข้อที่ ๑๒๓-๑๒๕
ภาพ : อุรุเวลาเสนานิคม